- เหตุที่วันนี้ต้องเศร้า..

ทำไม..? 
เมื่อคน 2 คน ตกลงว่า "เราจะรักกัน ดูแลกันและกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน"... ปัจจัยสำคัญที่เราจะรักกันได้ตลอดไป....คือไร?
1. ความซื่อสัตย์ต่อกัน
  เรา   มีตลอดระยะเวลาที่รักกัน
  เขา ...???? (ถ้าไม่เข้าข้างตัวเอง..เขาซื้อสัตย์ต่อเราเสมอ...แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอ สำหรับคนรักกัน)
2. ความไว้ใจ
  เรา  ให้ 100 ณ วันที่รัก  และเริ่มต้นจาก 0-100 ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง 
  เขา ...???? (ถ้าไม่เข้าข้างตัวเอง..เขาไว้ใจเราเสมอ...แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอ สำหรับคนรักกัน)
3. การโกหก
  เรา  เราเปิดใจกับเขา(เกือบ)ทุกเรื่อง ไปไหน อยู่ไหน จะไปไหนกะใคร วันนี้มีเรื่องดีหรือไม่ดี เราบอกให้เขารู้หมด
  เขา ...???? (ถ้าไม่เข้าข้างตัวเอง..เขาคงบอกเราแล้ว... แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอ สำหรับคนรักกัน)
4. การให้เวลา... ให้ความห่วงใยและ....การให้ความสำคัญ....ต่อกันและกัน
  เรา  คงไม่ต้องบรรยายเพราะ เขาคือคนสำคัญสำหรับเราตลอดเวลาและทุกนาที..ทุกๆวินาที! เราพยายามที่จะใช้เวลา ที่ได้อยู่ร่วมกับเขา ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้... เรามีเวลาให้เขาได้เสมอๆ
  เขา  ??? ... คนอื่น..สิ่งอื่น สำคัญกว่าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน- งาน- คนไกล้ตัว- และธุระของครอบครัว.. ธุระของทุกๆอย่างรอบตัวของเขา.. ถ้าเขาคิดจะทำอะไร ไปไหน มีเรื่อง มีปัญหา มีความรู้สึกดีใจ เสียใจ.. เราจะเป็นคนสุดท้ายที่เขาเลือก... เป็นคนสุดท้ายที่จะรับรู้... และเขามีเวลาเยอะแยะมากมายให้กับทุกๆเรื่อง ทุกๆอย่าง..และสุดท้าย เมื่อเขาจะคิดถึงเรา อยู่กับเรา ก็เฉพาะเวลาที่เขาเหลือมาจากสิ่งต่างๆเหล่านั้น-> เวลาที่เขาเหลือจากเพื่อน- งาน- คนไกล้ตัว-ธุระของครอบครัว-ธุระของทุกๆอย่างรอบตัวของเขา..
(นี่ไงหล่ะ คือสิ่งสำคัญที่สุด..ที่ทำให้ต้องเศร้า..และเจ็บปวด)
  เขาจะรู้ใหมว่าสิ่งที่เขาทำกับเรา มันเจ็บปวดมากแค่ไหน
  เขาจะรู้ไหมว่าเวลาของเขา ที่มีเยอะแยะมากมาย ให้กับสิ่งต่างๆ.. เขากลับเหลือเวลาอันน้อยนิดให้กับเรา..เราจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน??
**** ความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัด... เขาจะรู้บ้างไหม...เมื่อเก็บไว้มากๆๆ....มันก็เหมือนกับภูเขาไฟที่รอวันระเบิด..ดีๆนี้เอง****
**** หรือการให้อภัยที่พร่ำเพื่อเกินไป...ใจดีมากไป...มองความรักในมุนมองที่ดีเกินไป....ให้มากไป...........วันนี้มันถึงทำให้เราเจ็บปวดมากมาย...
.....  ทั้งๆ ที่บางคนอาจจะมองว่า..เรื่องเล็กๆแค่นี้ก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้......
.....แต่ถ้าคุณย้อนไปอ่านข้างบน คุณจะรู้ว่า ทำไม..วันนี้..เรื่องแค่นี้...มันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้.....


*** กว่าจะรักเท่าวันนี้ กว่าจะมีคนมาเข้าใจ ***
*** ต้องใช้เวลา ใช่เพียงมองตากันไม่นาน ***
iFLoWeRs iGothicGirLs 

- การเฉยชา.. ไม่ใส่ใจ.. ทนไปเพื่ออะไร?

การเฉยชา.. ไม่ใส่ใจ.. ทนไปเพื่ออะไร?
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป... 
 เราหวังผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน มีใครรู้บ้าง?
สิ่งที่เค้า..ให้กลับคืนมา มันเป็นสิ่งที่เราต้องการแล้วเหรอ?
เราพอใจกับมันแล้วเหรอ?

 

 ณ เวลาหนึ่ง.. เราจะหลอกตัวเองต่อไปอีกทำไม..? 
ถ้าหากเราได้รู้...ว่าเค้าคิดและรู้สึกกับเรายังไง!
และบอกตัวเองกี่ครั้งแล้ว..ว่าให้หยุด..ให้พอ!




พอในสิ่งที่เราต้องเหนื่อย...
เหนื่อยกับการหลอกตัวเอง...
ทุกข์กับสิ่งที่เค้าให้เรามา...
ทำไม ถึงลืม...ไม่ได้สักที

 
หากว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าทำในตอนนี้..มันชัดเจน
หากเค้าไม่ได้รักเราแล้ว..เพราะเค้ามีคนอื่น
>คนที่เค้าให้ความรัก..ความเข้าใจ



ส่วนเรา..สิ่งที่ได้รับนะเหรอ?
คือ การเฉยชา..ไม่ใส่ใจ..แล้วจะทนไปเพื่ออะไร?

ให้บอกกับตัวเองว่าพอ..พอเสียที!!!
หยุดร้องไห้...ให้กับคนที่เค้าไม่แคร์!!



ถ้าความโกรธเกิดขึ้น..จงอย่าวิ่งตามความโกรธ
แล้วก็อย่าเก็บความโกรธใส่ไว้ในขวดโหล
เหมือนเราดองผลไม้ไว้ในขวดโหล
 
ดังนั้น..เมื่อความโกรธเกิดขึ้น
เราต้องจัดการมันก่อน
เพราะถ้าทิ้งไว้เราจะถูกมันจัดการ

iFLoWeRs iGothicGirLs

- เปลี่ยนตัวเอง...เพราะแฟนดีไหม...?

เปลี่ยนตัวเอง เพราะแฟนดีมั้ยหนอ...?

 เห็นสาวๆ มากมายชอบอยู่ใกล้ๆแฟนเหมือนเป็นเงาตามตัว ส่วนใหญ่มานั่งเฝ้ากัน อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เค้าไปไหน สาวก็ไปด้วย แม้แต่เค้าไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ เธอยังตามไปเชียร์ ฟังแล้วช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินใช่ไหมล่ะ ว่าแต่ "ตามติดหนึบ" แฟนทั้งวันทั้งคืนหยั่งงี้ มีผลดีหรือผลเสียกันแน่? อิสตรีทั้งหลายเคยคิดถึงเรื่องนี้กันบ้างรึเปล่า?

 เผอิ๊ญ เมอร์ลินมีเพื่อนช่างวิเคราะห์พฤติกรรม หนุ่มสาว ดังนั้น แค่ถามเรื่องนี้ขึ้นมา คุณเธอก็สวนกลับอย่างทันควันว่า "เอ้า ถ้าไม่ไปนั่งเฝ้า, นอนเฝ้าแล้วสาวเหล่านั้นจะมีแฟนรึ ยิ่งเดี๋ยวนี้ ว่ากันว่า อัตราส่วนของผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิงซะด้วย ขืนปล่อยให้เค้าพ้นสายตาดูดิ รับรองคงมีใครก็ไม่รู้มางาบไปซะก่อนแหงๆ เลย"...อู้ย ช่างสู่รู้เหลือเกินนะยะ

          แต่นึกๆ ดู ก็มีส่วนจริงเหมือนกันแฮะ จริงในแง่ ที่ว่าสาวบางคนอยากมีแฟน ซะจนลงทุน ลงแรงเกินเหตุไปน่ะซี โถ...ทำตัวธรรมดา ไม่ต้องเป็น "ปลาหวงก้างใคร" ก็ได้ ขืนกลัวจะไม่มีแฟนมากๆ เข้า มักสมใจนึกทุกราย คือยิ่งหาแฟนไม่ได้หนักเข้าไปใหญ่ ส่วนในฟากของฝ่ายชายยังไม่ค่อยเห็นหนุ่มๆมานั่งรอสาวเท่าไหร่นัก แต่เชื่อว่ามีแหงซะ เพราะของพรรค์นี้เข้าใครออกใครซะที่ไหนเล่า

 กระนั้นหวังว่า คนที่พยายามทำตัวติดแฟน คงทำให้แฟนชอบใจและอยากอยู่ใกล้ๆละกัน อย่าได้เกิดกรณียิ่งใกล้ ก็ยิ่งขวางหูขวางตาเลยเพี้ยง ไม่งั้นโอกาสที่รักจะโรยราและตีตัว ออกห่างก็เป็นไปได้สูง โถ...จะไม่ให้แฟนมีเวลาส่วนตัวของ เค้าเองบ้างเลยเชียวเรอะ? เวลารักใครน่ะ ถ้าไม่รู้ว่า ต่างฝ่ายต่างต้องการเวลาของตัวเองมั่ง ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว อยากเตือนว่าการติดกันเป็นปาท่องโก๋น่ะ มีสิทธิ์ทำให้ความรักไม่จีรังยั่งยืนได้นะ แต่ถ้าปล่อยให้ต่างคนต่างมีชีวิตส่วนตัวบ้าง น่าจะช่วยให้มีเรื่องนำมาพูดคุยกันมากขึ้นซะอีก จึงขอจบเรื่องตามตื๊อแฟนแค่นี้พอ

 เปลี่ยนมาคุยเรื่องเวลามีแฟนแล้วเราควรเปลี่ยนแปลงตัวเองรึเปล่า? ดีฝ่า และถ้าเปลี่ยนควรเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน? เพราะเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาตำใจวัยรุ่นอยู่เหมือนกัน บางคนนะตอนอยู่ในกลุ่มเพื่อนและยังไม่มีแฟนมาจูงใจให้ออกไปนอกคอก ก็ชอบมาสุมหัวเป็นนกกระจอกเข้ารัง กับเพื่อนๆ ดีหรอก แต่พอริมีแฟนขึ้นมาสิ โห... น้องหนูสามารถเปลี่ยนไป จากเคยแต่งตัวเป็นคุณน้าย คุณนาย พอมีแฟนปุ๊บ หนูก็จัดแจง เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเป็น "เรโทรเซ็กซ์ชวล" เรียบง่าย สบายๆ คล้ายแฟนปั๊บ เฮ้อ! ความรักนี่น้อ ดลบันดาลให้มนุษย์เปลี่ยนไปต่างๆ นานาได้จริงๆ 

 ดังนั้น ความน่าสนใจของเรื่องที่ว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ ถึงขนาดนี้เชียวรื้อ? อยู่ตรงประเด็นที่ว่า...

  1. เวลาที่มีความรัก ใครๆมัก (พยายาม) เปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เข้ากับ คนที่เรารัก ทั้งนั้นแหละ ตรงนี้ไม่แปลกใจและไม่ใช่ปัญหาด้วย แต่เป็นความน่ารักต่างหากล่ะ
          แม้ส่วนใหญ่เรามักเห็นการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายหญิงมากกว่า เพราะสาวๆส่วนใหญ่เวลารักใคร มักแสดงออกมาตรงกะใจมากกว่าฝ่ายชายอยู่แล้ว ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เวียนหัว ยกเว้นพวกมี มายาเยอะ...นี่คือข้อดีที่น่าชื่นชม ส่วนหนุ่มบางคนก็ใช่ว่าจะไม่ เปลี่ยนซะเลยหรอก เค้าก็เปลี่ยนเหมือนกัน เช่น อาจทำตัวเรียบ ร้อยมากขึ้น, เลิกไปเกเรเกตุงที่ไหน และเริ่มรู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเราก็ตอนที่มีแฟนนี่แหละ

  2. แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่า ดันมีทั้งที่ดีขึ้นและแย่ลงอ่ะดิ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายไหนจะ "ตาสว่าง" หรือเลือกเดินทางไหนมากกว่ากันแล้วล่ะ
          ถ้าการเปลี่ยนแปลงส่อไปในทางที่ดี เช่น จากฝ่ายหนึ่งเคยขี้เกียจ แต่พอมามีแฟนเป็นคนขยันทำมาหากิน จึงมีแรงบันดาลใจและกำลังใจ อยากให้ชีวิตคู่ มั่นคงขึ้นก็ได้ ดังนั้น แทนที่จะมัวแต่เกาะแฟนกิน ก็ช่วยกันทำมาหากิน สองแรงแข็งขันซะเลย จะได้ปูทางไว้ เผื่ออนาคตด้วย หากเป็นไปในทำนองนี้ก็แจ๋วใช่ไหมล่ะ เพราะแสดงว่าความรักช่วยส่งเสริมให้ใฝ่ดีทั้งคู่
          แต่ถ้าเผื่อมีความรักแล้ว ไปผลักดันให้เข้าสู่ มุมมืดของชีวิตละก็ โอ้โหเท่ากับต่างฝ่ายต่างฉุดซึ่งกันและกันให้เละเทะน่ะสิ แล้วจะดีรื้อ แบบว่า หากฝ่ายนึงชอบเที่ยว และทำให้อีกข้างนิยมเที่ยวราตรีด้วย สงสัยแฮะว่าคู่นี้เมื่อไหร่จะสร้างเนื้อสร้างตัวได้น้า เพราะขยันเที่ยว ถึงแม้จะสนุกสนานเอนจอยไลฟ์ก็เหอะ แต่ก็ใช้ตังค์สะบัดช่อเช่นกัน พวกนี้เมื่อไหร่หมดตัวนั่นแหละถึงจะรู้สึก ดังนั้น การเปลี่ยนไปของผู้มีความรักจึงอย่าถึงกะเปลี่ยนจนไร้สติ ขอร้องล่ะ มีสติสัมปชัญญะกันสักนิดเหอะน่า

            3. เพราะคนที่มีแฟนบางครั้งก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นแบบเค้า 100% น่ะซี เอ้า
          อย่าลืมว่า บางคนต้องการมีแฟนที่มีอะไรแตกต่างกันมั่ง แต่หากบังเอิ๊ญ บังเอิญ เค้าชอบที่จะให้แฟนเป็นแบบเดียวกันก็แล้วไป ทว่า ส่วนใหญ่ไม่เห็นมีใครอยากให้ เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเลย เพราะความแตกต่างถือเป็นเสน่ห์อย่างนึงอ่ะดิ ยิ่งถ้าได้พบความต่างบางอย่างที่เค้ามีแต่แฟนไม่มี หรือแฟนมี แต่เค้าไม่มี ยิ่งทำให้ผู้มีความรักได้เปิดโลกทัศน์ หรือรู้จักในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งมีประโยชน์กว่าก็ได้ ขืนเหมือนมากไป บางทีจะคล้ายกบอยู่ในกะลานะเออ

            4. แต่หากสาวๆ อยากเปลี่ยนตามแฟนจริงๆ ละก็ จงให้ความเลิฟชักพาให้รู้จักปรับปรุงตัวเองดีกว่า หนูๆ จะได้เปลี่ยนไปอย่าง "ฉลาด" ไม่ดีเรอะ
          ถ้าสาวๆ อยากเปลี่ยนไปอย่างจริงจังแล้วละก็ สู้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเถอะ อย่าหลับหูหลับตาเปลี่ยนเพราะอยากเอาใจแฟนซะเว่อร์ไปก็ไม่ดี ที่พูดนี่ไม่ใช่ แค่การเปลี่ยนด้านการแต่งตัวเท่านั้น เพราะรู้น่าว่าสาวๆ น่ะ บทหล่อนอยากเอาใจแฟนละก็ เธอสามารถเปลี่ยนได้ทุกอย่างแหละ ซึ่งขืนเป็นงี้ก็ไม่ใช่เพราะอานุภาพแห่งความรักแล้ว เรียกว่าเป็นความหลงจนไม่ลืมหูลืมตามากกว่า ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงที่สาวๆ ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดเวลามีแฟน จึงรวมถึง.....

          อย่าหมดเงินเป็นจำนวนมากเพื่อหวังจะทำให้ฝ่ายชายชอบเธอให้ได้ แต่ถ้าซื้อรถให้ก็ไม่แน่นะ เพราะเค้าจะรักเงินของหล่อนมากกว่าตัวเธอน่ะสิจ๊ะ ลงทุนทำศัลยกรรมเสริมทรวงอก, ทำเบบี้เฟซ หรือดูดไขมัน เพื่อหวังจะสวยอย่างที่ผู้ชายอยากให้เป็น...ห้ามห้าม จำไว้นะ ถ้าริจะรัก ควรใช้สติก่อนอารมณ์ แล้วจะดีเอง
 iFLoWeRs iGothicGirLs

- เซ็กซี่...เสมอต้นเสมอปลาย

เซ็กซี่ เสมอต้นเสมอปลาย

ไม่มีใครอยากเซ็กซี่น้อยลง แต่คุณจะน่าปรารถนามากขึ้นได้อย่างไรกันล่ะ? ลองทำตามเคล็บลับง่ายๆ ต่อไปนี้จะทำให้เขาหลงใหลคุณอย่างหัวปักหัวปำ

  1. ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
     การทำสิ่งต่างๆ ร่วมกับคู่ของคุณทำให้คุณเป็นคู่รักที่ดี แต่มันก็ทำให้ขาดเสน่ห์จากความลึกลับ ฉะนั้น ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง อย่างน้อยสักสัปดาห์ละวัน ชีวิตส่วนตัวของคุณจะทำให้เขามีเรื่องต้องพิศวงและเสน่หาไม่รู้จบ
  2. ทำให้ตัวเองเด็กลง
     การศึกษาทางจิตวิทยาบอกว่า ยิ่งคนเราหน้าตาอ่อนเยาว์แค่ไหน ก็ยิ่งดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากขึ้นเท่านั้น ลองใช้เทคนิคเมกอัพสร้างลุคที่อ่อนเยาว์ อย่างเช่น การให้ช่างแต่งหน้ามืออาชีพแต่งคิ้วให้โค้งสวยเป็นเอกลักษณ์ของ ความอ่อนเยาว์
  3. หอมหวน
     ดร.อลันซ์ เฮิร์ช ผู้อำนวยการด้านประสาทวิทยาแห่งมูลนิธิด้านกลิ่นและรสในเมืองชิคาโก ได้ทดลองว่า กลิ่นของอาหารมีปฎิกิริยาอย่างไรต่อความปรารถนาทางเพศของผู้ชาย และ พบว่ากลิ่นที่ปลุกเร้า อารมณ์อย่างมาก คือกลิ่นของ ลาเวนเดอร์ ผสมกับกลิ่นพายฟักทอง ที่ใกล้เคียงกันก็คือ กลิ่นของขนมปังชินนิมอนและวานิลลา ลองใช้กลิ่นหอมเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์
  4. เพิ่มความเป็นผู้นำ
     เราอาจมีความเทียบเท่ากันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงกับผู้ชาย เหมือนกัน จำไว้ว่าอะไรที่ทำให้แตกต่างจากพวกเขา คุณนุ่มนวลกว่า บอบบางกว่า มีส่วนโค้งส่วนเว้ามากกว่า และก็อาจเจ้าอารมณ์มากกว่า ฉะนั้นเล่นกับคุณสมบัติการเป็นผู้หญิงที่แตกต่างให้มากขึ้น เพื่อเตือนเขาถึงความเป็นผู้หญิงที่แสนเจ้าอารมณ์ของคุณ
  5. ยั่วยวนด้วยน้ำเสียง
     ทุกคนไม่ได้เกิดมาพร้อมเสียงอันเย้ายวนใจ แต่เราอาจฝึกใช้เสียงในแบบของตัวคุณเอง ที่ฟังดูแล้วเย้ายวนใจมากขึ้นได้ ลอง อัดเสียงของคุณแล้วเปิดฟังดู มันมีเสียงสูงต่ำอย่างไร วิธีการพูดของคุณเป็นอย่างไร และสร้างเสียงในแบบของคุณที่เย้ายวนใจมากขึ้น ควรพยายามหลีกเลี่ยงเสียงแหลมๆ โดยเด็ดขาด
  6. ฝึกสมองของคุณ
     ความเย้ายวนทางเพศไม่ได้อยู่เพียวแค่เนื้อหนังมังสา แต่เริ่มต้นจากความคิดของคุณด้วย ถ้าคุณเชื่อมั่น คุณก็จะเปล่งประกายความเย้ายวนออกมาได้เอง ฉะนั้นฝึกสมองของคุณให้บอกตัวเองเสมอว่า...ฉันเซ็กซี่

iFLoWeRs iGothicGirLs

- 9 วิธี ทำให้ชีวิตรักของคุณยืนยาว

9 วิธี ทำให้ชีวิตรักของคุณยืนยาว

เคยมั้ยที่ไม่ใช่ว่าความรักระหว่างคุณและเขาจะจืดจางลง แต่เพราะอะไร เมื่อไหร่ที่เจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที จะหาวันว่างเพื่อไปกินข้าวดูหนังกันแต่ละที ก็ยากซะเหลือเกิน แล้วอย่างนี้ชีวิตรักของเราจะไปรอดมั้ยเนี่ยากคุณอยากจะขจัดปัญหานี้ให้หมดไป นี่คือ 9 วิธีที่ช่วยให้ชีวิตรักของคุณยืนยาวขึ้น

1.วางโครงสร้างให้ชัดเจนระหว่างคำว่า “ของคุณ” “ของฉัน” และ “ของเรา”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพย์สมบัติที่คุณได้มาก่อนแต่งงาน หรือเงินสะสมในบัญชีของเขา รวมทั้งทรัยพ์สินมีค่าที่หามาได้ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นอกจากนี้ ยังรวมถึงการมีเวลาส่วนตัวหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่มีแต่คำว่า “เรา” หรือ “ด้วยกัน” เช่น สามีของคุณอาจต้องการHang outกับก๊วนเพื่อนในเย็นวันอังคาร ส่วนตัวคุณภรรยาก็ต้องการผ่อนคลายกับชั้นเรียนโยคะในเช้าวันพฤหัส จำไว้ว่าคุณต้องรู้จักแยะแยะ 3 คำนี้ให้ชัดเจน
2.ลองหาเวลาเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันบ้าง
แน่นอนว่าในแต่ละวันคุณย่อมมีภาระงานมากมาย ไหนจะต้องเคลียร์งานที่ยุ่งเหยิเข้าประชุมอีก แต่คุณต้องไม่ลืมความสำคัญของการใช้เวลาร่วมกันระหว่างคู่รักของคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่ควรพลาดหาเวลาเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่นการไปช็อปปิ้ง  ดูหนัง หรือ การไปพักผ่อนตากอากาศกัน 2-3 วันในช่วงสุดสัปดาห์ ทางที่ดีคุณอาจทำสัญญาระหว่างคุณ 2 คนว่าทุกคืนวันศุกร์ต้องเป็นวันสำหรับการออกเดทของคุณ
3.หันมาดูแลตัวเองบ้าง
สละเวลาในแต่ละวันซักนิด เพื่อดูว่าคุณมีภาพลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างไร ดูดีแล้วหรือยัง จำไว้ว่า ทำงานตามปกติ กินอาหารให้ถูกสุขลักษณะ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากการมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีจะทำให้คนรักของคุณชอบมองคุณแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเองอีกด้วย
4.แน่ใจว่าการสื่อสารของคุณเป็นแบบ 2 ทาง
ความสัมพันธ์ของหลายๆคู่ต้องจบลง เพราะการสื่อสารที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ดังนั้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ชีวิตคู่ของคุณไปรอด หากคุณมีความรู้สึกว่าไม่เข้าใจ ไม่สบายใจ หรือรู้สึกมีบางอย่างที่ปิดบังกันอยู่ระหว่างคู่ของคุณ ให้หันหน้ามาพูดเปิดอกกัน แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้คุรรู้สึกหงุดหงิดหรือเจ็บปวด แต่คุณก็ต้องพยายามใช้เหตุผล และมีสติ เพื่อให้ปัญหานั้นคลี่คลาย
5.สุขุม รอบคอบ และสุภาพ
จำไว้ว่าอย่าด่วนตัดสินใจอะไรอย่างบุ๋มบ่าม หากคุณต้องการที่จะวิพากษ์วิจารณ์ใคร ขอให้คุณวิพากษ์วิจารณ์เหมือนกับที่คุณต้อการให้คุณทำกับคุณแบบนั้น
6.อย่าหยุดที่จะแสดงความรักต่อกัน
ของขวัญ คำชมเชย หรือการแสดงความรักต่อผู้อื่น โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่คาดคิด การส่งของขวัญไปแสดงความยินดี การส่งการ์ดในวันเทศกาล หรือช่อดอกไม้ด้วยเหตุผลสารพัด เป็นสิ่งที่ดี และที่สำคัญ คุณควรปฏิบัติกับคู่รักของคุณให้เหมือนสมัยที่ออกเดทด้วยกัน
7.จุดไฟรักของคุณให้โชติช่วงอยู่เสมอ
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง ชวนสับสน แต่คุณสามารถแก้ปัญหาและผ่อนคลายความเครียอดได้ด้วยการ เข้าครัวทำอาหารจานโปรดให้คู่รักของคุณ หรือหาสักวันที่คุณจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน อาบน้ำด้วยกัน ดูโทรทัศน์ด้วยกัน เป็นต้น
8.ร้องขอเงื่อนไขของการสานสัมพันธ์
บอกถึงความคาดหวังของคุณ ในลักษณะที่เป็นเงื่อนไขที่คุณจะมีต่อกัน แต่ต้องจำไว้ว่าเงื่อนไขที่ว่านี้ ต้องชัดเจน เพราะแต่ละเงื่อนไขล้วนมีความหมายต่อคุณมาก เช่น หากคู่รักของคุณมักมาสายเสมอ เงื่อนไขของคุณคือ เขาจะต้องไม่มาสายอีก เพื่อแลกกับการช็อปปิ้งของคุณที่จะมีลิมิทมากขึ้น ทางที่ดี คุณและคู่รักควรตกลงกันถึงขอบข่ายข้อตกลงระหว่างกันให้ชัดเจน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการล้ำเส้น และความโกรธเคืองกันในภายหลัง
9.หมั่นเจรจาต่อรองคำสัญญาระหว่างคุณ
ขณะที่ความสัมพันธ์ของคุณพัฒนาขึ้นอีกขั้น ความต้องการและความจำเป็นชีวิตของคุณย่อมเปลี่ยนไป ดังนั้นเมื่อ 1 ปีเวียนมาบรรจบ จึงเป็นความคิดที่ดี หากคุณจะหมั่นเตือนให้ระลึกถึงสัญญา รวมทั้ง หมั่นอัพเดทข้อตกลงของพวกคุณไม่ว่ามันจะเป็นสัญญาด้วยปากเปล่า หรือ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร

 
iFLoWeRs iGothicGirLs

- ต้องตามใจทุกอย่างใช่ไหม...ถึงเรียกว่ารักแท้!

ต้องตามใจทุกอย่างใช่ไหม ถึงเรียกว่ารักแท้!


ความรัก ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากเราประมาทเลินเล่อ ใช้ความอ่อนไหวของวัย สนองอารมณ์วูบวาบให้คนรัก เพื่อให้เขาพออกพอใจไปซะทุกอย่าง เห็นทีตัวเราเองนั่นแหละอาจมานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะความใจอ่อนแพ้ลูกอ้อนทางอารมณ์

รัก จึงไม่ใช่ "เพียงแค่ใจเรารักกัน" ตามที่เขาอ้างเพื่อขอเล่นบทเลิฟซีนกะเรา อย่าไปหลงคารมเขาเชียว แต่บางคนอาจแย้งว่า "โธ่... แฟนขอนอนด้วยเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่เห็นต้องทำอะไรหนักหนา แค่ตามใจเค้าซะก็สิ้นเรื่อง แฟนจะได้เชื่อใจว่าเรารักจริง"

ถ้าคิดว่าใจกว้างเป็นมหาสมุทรอย่างนี้ก็ไม่มีใครว่าได้หรอกนะ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า พอแฟนแอ้มเราแล้ว เขาจะรักเราจริงหรือเปล่านี่สิ . . . (ถ้าใจไม่กว้างขนาดแม่พวกมหาสมุทรก็อย่าเสี่ยงดีกว่านะ)

หากเจอแฟนประเภทนี้เข้าละก็ ต้องรีบปรับอุณหภูมิรักที่กำลังเดือดพล่านให้คลายลงโดยเร็ว อย่าด่วนกระโจนใส่เพื่อเอาใจเขา พยายามจูนคลื่นความต้องการของเขาและเราให้ตรงกัน บอกกับเขาไปเลยว่า "ฉันทำเพื่อเธอได้เสมอ แต่อย่าเผลอชวนขึ้นเตียง (ถ้าเธอยัง เลี้ยงดู ฉันไม่ได้)"

หากเรายังไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์กับแฟน ถ้าเราไม่สบายใจ เพราะมันขัดกับความเชื่อของตัวเรา และเราก็รู้สึกว่า ความรักใช่ว่าต้องพิสูจน์กันด้วยการเปลือยกาย ซะเมื่อไหร่ ใช้การเปลือยใจจะดีกว่า และอย่าเกรงใจเพราะลูกอ้อนสารพัดที่เขาวาดลวดลาย แม้เขาจะคิดว่าเราโตพอที่จะมีอะไรๆ กัน เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่เองยังพลาดท่าเสียทีกันมาแล้วนักต่อนัก . . . เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจเชียว

แฟนกล้าขอ เราก็ต้องกล้าเปิดใจ (อย่าเพิ่งด่วนเปิดอย่างอื่นก่อนละ) คุยกันตรงๆ ว่าเราพร้อมหรือไม่ แล้วเขาเองแน่ใจหรือว่า
          "ได้แอ้มเราแล้ว เขาจะไม่ทิ้งเราไป"
          "คิดจะโจ๊ะเรา แต่ไม่เห็นเตรียมพร้อมที่จะป้องกันอะไรเลย นี่หรือบอกว่ารัก"
          "เกิดพลาดท้องป่องขึ้นมา ใครละเสียหาย ไม่ใช่ลูกผู้หญิงอย่างเราหรือ"
          "มีวิธีอื่นอีกถมเถนะ ถ้าอยากรู้ว่าเรารักกันขนาดไหน" ฯลฯ

เราคงไม่ถึงกับหวงตัวจนเว่อร์เกินเหตุหรอก (แหม . . . คนรักกันก็ต้องอยากสัมผัสไออุ่นซึ่งกันและกันบ้างสิ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้ไม่รู้สึกอะไร) หากเขาจะขอแตะเนื้อต้องตัว กอดจูบ ลูบกายกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดา ตามประสาอารมณ์รักของคนหนุ่มสาวที่อยากแสดงความรู้สึกต่อกันบ้าง


เพียงแต่ต้องมีสติพอจะยับยั้งชั่งใจไม่ให้เกินเลยไปกว่านี้ ต้องแสดงให้คนรักเห็นว่า "ทำให้ด้วยความเต็มใจ" และใส่ใจในความรู้สึกของกันและกัน ไม่ใช่ "ทำให้ด้วยความตามใจ" เพราะกลัวเขาไม่รัก อย่างนี้ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แต่ถ้าคิดว่าเราพร้อมและยินดีเปิดตัวให้คนรักเชยชม อันนี้ก็ต้องรู้จักหาวิธีป้องกันก่อนจะเริ่มเกมสารภาพรัก...ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า "ความปลอดภัยมาก่อนความรัก" 

เมื่อรักกันแล้วก็ต้องปรับองศาความรู้สึกต่อกันในทุกๆ เรื่อง รวมทั้งเรื่องอย่างว่า เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆ ที่ดีต่อกันต้องพังทลายลง
รักแท้พิสูจน์ได้ ไม่ใช่เพียงชวนขึ้นเตียง . . . เพื่อนๆ ว่าจริงไหมค่ะ?


iFLoWeRs iGothicGirLs