บางเวลาที่เหงา...ของสาวโสด
หลายครั้ง ในชีวิตประจำวันที่รีบเร่
เท้าที่เดินแกมวิ่งไปตามท้องถนน
แทบจะไม่เปิดโอกาสให้เรา หยุดมองสิ่งใด
มีเพียงจุดหมาย และนาฬิกาบนข้อมือ
ที่ถูกสายตาชำเลือง
แต่ทว่าในวันที่โลกหมุนช้า...
หลายครั้ง เวลาที่เราก้าวเดินไปตามท้องถนน
ท่ามกลางผู้คนมากมายรอบกาย
แต่เรา กลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่
คู่รักหลายคู่ เดินจูงมือ หยอกล้อเล่นหัวกันอย่างสนุกสนาน
ผ่านหน้าเราไป...
แต่เมื่อเราหันมองข้างกายตนเอง
กลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า
ในยามที่อากาศครึ้ม ท้องฟ้าสีขุ่นมัว
ด้วยเมฆดำที่เคลื่อนกายมาโอบล้
พายุแรงพัดโหมกระหน่ำ
เรานั่งมองสายฝนโปรยเม็ดขาว
พรั่งพรูลงมาตกกระทบ เปื้อนบานกระจกหน้าต่างใส
รู้สึกเจ็บลึกเหมือนถูกน้
สาดเซาะลงไปที่เนื้อเยื่ออันอ่
แต่เมื่อม่านฝนขาดเม็ด สายลมพัดหมู่เมฆสลาย
หอมไอดิน และกลิ่นดอกไม้ระเหยต้องนาสิก
แสงสว่างยามอรุณรุ่งทอประกายอ่
ก็พลันเคลื่อนเข้ามาปลอบโยนลู
แทนที่ความเหงา
ชีวิตก็เป็นดังนี้
โศกเศร้ากำสรวล อาดูร อ้างว้าง
หัวเราะ ร่าเริง แจ่มใส
หมุนเวียนเปลี่ยนสลับไปไม่คงที่
ในขณะที่ใครบางคนกำลั
แต่บางคนกลับกลัดกลุ้
เฝ้าแสวงหาเพียงอิสรภาพ
แต่ทั้งนี้ สภาวะอารมณ์ทั้งมวลของคนทั้
ก็เฉกเช่นเมฆน้อย ที่ลอยเลื่อนผ่านเข้ามา
แตะคลุมจิตของตน...
และจะเคลื่อนผ่านไปในไม่ช้านาน
ถ้าเราไม่อาจยึดปุยเมฆ มากอดเก็บข้างกาย
เช่นเดียวกับที่ไม่อาจยึดจิ
หน้าที่ของเราคือ มองดู
อยู่กับปัจจุบันที่นี่ ไม่วิ่งตามเมฆ
สร้างที่พึ่งอันมั่
ทำกิจที่พึงทำ อย่างดีที่สุด
ให้สมควรแก่กำเนิดของภพชาติมนุ
โลกก็เป็นเช่นนี้
แม้ปราศจากซึ่งคนรัก หรือมีใครแนบกายพร้อม
ที่สุดแล้ว...
ชีวิตเราก็เริ่มต้นและสิ้นสุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น