แบบทดสอบ sex สมองคุณมีแต่เรื่องเซ็กซ์รึเปล่า??
ลองทำแบบทดสอบนี้ดูกันเลยดีกว่า ว่าคุณหมกมุ่นเรื่องอย่างว่ามากไปรึเปล่า ถ้ามากไปจะได้ปรับตัวซะแต่เนิ่นๆ
หากคำตอบของคุณคือ A :
ไม่ได้เสพติดหรอก
ยินดี ด้วย ที่เซ็กซ์ยังไม่ทำให้ชีวิตคุณแย่ลง แต่ก็ควรระวังไว้อยู่เสมอ คอยสังเกตตัวเอง ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่คุณยกเลิกนัดกับเพื่อนๆ เพียงเพราะว่าจะเอาเวลาไปดูหนังโป๊หรือรูปโป๊ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่า เซ็กซ์เริ่มมีบทบาทกับชีวิตคุณมากไปแล้ว หรือการที่คุณตั้งใจจะดูรูปโป๊/หนังโป๊บนเว็บแค่ 15 นาที แต่ไปๆมาๆกลายเป็น 2 ชั่วโมง นั่นแปลว่าคุณเริ่มจะขยับอาการไปอีกขั้นแล้วล่ะ
หากคำตอบของคุณคือ B :
อาจเป็นปัญหาได้
คุณ อยู่ในระดับที่เสี่ยงต่อการเสพติดเซ็กซ์ ซึ่งมันอาจจะมีผลกระทบอื่นๆทางจิตตามมาก็ได้ เช่น ความเครียด หรือการนับถือตัวเองต่ำลง มีวิธีที่จะช่วยให้คุณกลับไปสู่ภาวปกติได้ครับ โดยคุณอาจจะเริ่มสังเกต, บันทึก หรือจดจำเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ ว่าสิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้คุณเกิดอารมณ์ว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ให้ลองออกกำลังกายแบบ Cardio อย่างการวิ่ง, ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานเป็นประจำทุกสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มระดับของสารเซโรโทนินในร่างกาย ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นครับ
หากคำตอบของคุณคือ C :
คุณเสพติดเซ็กซ์ไปซะแล้ว!!
ผล การวิจัยจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส พบว่าการทำงานผิดเวลาหรืองานที่ทำแล้วเครียด อาจมีส่วนทำให้คุณมีปัญหาเสพติดเซ็กส์ อาจไม่ง่ายสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ถ้าคุณหยุดไม่ได้และมันเริ่มกระทบกับชีวิตด้านอื่นๆ ก็อาจจะต้องเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์ เพื่อเรียนรู้ที่จะบังคับใจของคุณ อีกทางหนึ่งที่อยากให้คุณลอง คือลองหาโปรแกรม Safe Eyes (internetsafety.com) มาติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณดู เพื่อที่จะได้เข้าไปดูหนังโป๊หรือรูปโป๊ไม่ได้ (แต่ถ้าใจมันกระหายจริงๆ คนพวกนี้ก็คงถอนโปรแกรมละมั้งเนี่ย...)
ที่มา : Men's Health Magazine
หากคำตอบของคุณคือ A :
ไม่ได้เสพติดหรอก
ยินดี ด้วย ที่เซ็กซ์ยังไม่ทำให้ชีวิตคุณแย่ลง แต่ก็ควรระวังไว้อยู่เสมอ คอยสังเกตตัวเอง ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่คุณยกเลิกนัดกับเพื่อนๆ เพียงเพราะว่าจะเอาเวลาไปดูหนังโป๊หรือรูปโป๊ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่า เซ็กซ์เริ่มมีบทบาทกับชีวิตคุณมากไปแล้ว หรือการที่คุณตั้งใจจะดูรูปโป๊/หนังโป๊บนเว็บแค่ 15 นาที แต่ไปๆมาๆกลายเป็น 2 ชั่วโมง นั่นแปลว่าคุณเริ่มจะขยับอาการไปอีกขั้นแล้วล่ะ
หากคำตอบของคุณคือ B :
อาจเป็นปัญหาได้
คุณ อยู่ในระดับที่เสี่ยงต่อการเสพติดเซ็กซ์ ซึ่งมันอาจจะมีผลกระทบอื่นๆทางจิตตามมาก็ได้ เช่น ความเครียด หรือการนับถือตัวเองต่ำลง มีวิธีที่จะช่วยให้คุณกลับไปสู่ภาวปกติได้ครับ โดยคุณอาจจะเริ่มสังเกต, บันทึก หรือจดจำเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ ว่าสิ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้คุณเกิดอารมณ์ว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ให้ลองออกกำลังกายแบบ Cardio อย่างการวิ่ง, ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานเป็นประจำทุกสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มระดับของสารเซโรโทนินในร่างกาย ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นครับ
หากคำตอบของคุณคือ C :
คุณเสพติดเซ็กซ์ไปซะแล้ว!!
ผล การวิจัยจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส พบว่าการทำงานผิดเวลาหรืองานที่ทำแล้วเครียด อาจมีส่วนทำให้คุณมีปัญหาเสพติดเซ็กส์ อาจไม่ง่ายสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ถ้าคุณหยุดไม่ได้และมันเริ่มกระทบกับชีวิตด้านอื่นๆ ก็อาจจะต้องเข้ารับการบำบัดจากจิตแพทย์ เพื่อเรียนรู้ที่จะบังคับใจของคุณ อีกทางหนึ่งที่อยากให้คุณลอง คือลองหาโปรแกรม Safe Eyes (internetsafety.com) มาติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณดู เพื่อที่จะได้เข้าไปดูหนังโป๊หรือรูปโป๊ไม่ได้ (แต่ถ้าใจมันกระหายจริงๆ คนพวกนี้ก็คงถอนโปรแกรมละมั้งเนี่ย...)
ที่มา : Men's Health Magazine
*******************iFLoWeRs********************
ร่วมรักอันตราย 5 ท่า ควรระวัง
ใครจะคิดบ้างว่าการร่วมรักกันนั้นอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะผู้ชายแล้วไม่มีทางจะคิดเลยว่าจะเป็นอย่างใดขอให้ได้มีความสุขสมจาก การร่วมรักเท่านั้นก็พอใจแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเกิดมาภายใต้การบงการของฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเต อโรนนั่นเอง เป็นที่รู้กันดีว่าเจ้าฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนนี้เป็นฮอร์โมนแห่งการเจริญพันธ์ ทำให้สมองคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับบทพิศวาสวาบหวามใจอยู่เป็นประจำ และถ้าได้มีโอกาสปล่อยความสามารถแห่งชายชาตรีออกไปแล้วละก็จะไม่มีการรั้งรอ แต่ประการใด เลยทำให้หลายต่อหลายรายเกิดอันตรายจากการร่วมรัก โดยเฉพาะอันตรายต่อของรักของหวงที่พ่อให้มาชนิดตัวเดียวอันเดียว ไม่มีสำรองไว้เปลี่ยนอย่างเด็ดขาด ... มาลองดูกันไหมว่าท่างท่าลีลารักแบบไหนที่อันตรายสำหรับคุณสุภาพบุรุษนักรักทั้งหลาย
อันดับที่หนึ่ง ... WOMAN ON TOP
เป็น ท่วงท่าที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน ไม่ว่าจะหันหน้า เข้าหากันหรือหันหน้าไปคนละทางก็ตามมีอันตรายเท่าเทียมกัน และเป็นท่วงท่าอันตรายที่สุดของการร่วมรักสำหรับท่านชายที เดียวเป็นคำรับรองเป็นเสียงเดียวจากหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะชายที่ต้องผ่า ตัดซ่อมแซมของรักของหวงให้ชายหนุ่มไปมากหน้าหลายตาหลังจาก "หักกลางลำ"
ใคร จะคิดว่าอวัยวะส่วนนั้นของผู้ชายจะหักได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว และท่าของการร่วมรักที่ทำให้อวัยวะของรักของหวงหักได้มากที่สุดก็คือท่าร่วม รักที่เรียกว่า 'WOMAN ON TOP' นี่แหละ โดย เฉพาะยิ่งอวัยวะส่วนนั้นมีรูปร่างคดงอเวลาแข็งตัว โอกาสเกิดอันตรายจากท่าร่วมรักประเภทพี่ไม่ต้องน้องลุยเองจะยิ่งมากขึ้น ลองคิดดูว่าเวลาที่ผู้หญิงกระแทกตัวลงมาในขณะที่กำลังลืมตัวด้วยความเมามัน ในความสุขที่ได้รับจากการสัมผัสรักที่ทุกครั้งในการเสียดสีกันมักจะโดน "จีสปอต" ของเธอ เพราะในท่วงท่า WOMAN ON TOP นี้จะเป็นท่วงท่าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะได้รับความหฤหรรษ์เป็นอย่างมากจากการ ร่วมรัก เนื่องจากจุดกระสันหรือจีสปอตของเธอได้รับการเสียดสีตลอดเวลา
ที นี้เมื่อเธอมีความเสียวซ่านจากสัมผัสรัก เธอก็จะยิ่งขยับเร็วขึ้นและแรงขึ้น แถมบางครั้งยังอาจจะยกก้นขึ้นสูงขึ้นด้วย ทำให้เวลากระแทกลงจะมีความรุนแรงมากขึ้น แล้วในจังหวะที่เธอกระแทกลงนั้นลองคิดดูว่าถ้าอวัยวะส่วนนั้นของท่านชายทำ มุมเอียงๆอยู่ โดนกระแทกลงมาเต็มแรง ... อะไรจะเกิดขึ้น นอกจากเสียงดังเป๊าะหนักแน่น แล้วส่วนนั้นก็หักกลางโดยปล่อยให้ส่วนปลายมีเลือดคั่งอยู่ แต่ส่วนโคนที่ต่ำลงจากจุดที่หักอ่อนตัวคอพับคออ่อนและเจ็บสุดชีวิต เจ็บเสียจนกระทั่งบางคนเป็นลมไปก็มี
การเรียน รู้และ เตรียมตัวที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้นจึงขอบอกว่ากรณีนี้มักจะไม่เกิดขึ้นกับคู่นอนที่เป็นตัวเป็นตน แต่มักจะเกิดขึ้นกับคนใหม่ และประเภทมือใหม่หัดขับแต่อยากซิ่ง ที่ต้องจำไว้ที่สุดก็คือ ถ้า อวัยวะส่วนนั้นของท่านชายกำลังแข็งตัวเต็มที่แล้ว ส่วนสงวนของสาวสวมอยู่แบบแนบสนิทโดยเฉพาะยิ่งประเภทช่องคลอดฟิตๆ และกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดแข็งแรงแนบช่องคลอดสาวๆ แล้วละก็ ห้ามเอี้ยวตัวอย่างเด็ดขาดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอี้ยวตัวขึ้นมันจะเหมือนกับการบิดอวัยวะส่วนนั้น ที่กำลังแข็งตัวเต็มที่อยู่ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ... หักกลางลำตัวเช่นกัน
เตือนคุณแล้วนะ ... ถ้าไม่ระวังเกิดเรื่องเมื่อไร หมออาจจะเย็บต่อซ่อมแซมที่หักได้ แต่หลังจากนั้นอวัยวะส่วนนั้นมักจะเหลือไว้ทำงานอย่างเดียว คือมีไว้ใช้ปัสสาวะและจับเล่นแก้กลุ้ม
อันดับที่สอง ... SEXTY NINE
หรือ ที่บางคนเรียกว่า 69 ซึ่งเป็นการใช้ปากทำรักให้แก่กันไม่ว่าจะเป็นการที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งอยู่ด้านบน หรือนอนตะแคงข้างกลับหัวกลับเท้ากันก็แล้วแต่ เป็นการร่วมรักด้วยปากซึ่งส่วนใหญ่ให้ความหฤหรรษ์ค่อนข้างมาก เพราะได้ทั้งเห็นภายอวัยวะของกันและกัน ขณะเดียวกันก็ได้สูดกลิ่นฟีโรโมนซึ่งเป็นกลิ่นพิศวาสที่ระ เหยออกมาจากส่วนสงวน รวมทั้งได้รสของน้ำหล่อลื่นต่างๆ ที่หลั่งออกมาด้วยเวลาที่เกิดอารมณ์พิศวาส แน่นอนว่าย่อมมีเสียงแห่งความสุขเปล่งออกมาจากปากของแต่ละคนด้วย เรียกว่าพร้อมทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ทีเดียว เป็นการเร้าอารมณ์ที่เต็มรูปแบบ แต่ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ตื่นเต้นง่ายหรือคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่ เพราะอาจจะเกิดหัวใจวายอย่างกะทันหัน ด้วยเหตุนี้ถ้าเป็นคนที่ตื่นเต้นง่าย หรือหัวใจไม่ค่อยดีแล้ว เว้นท่านี้ไว้จะดีกว่า และถ้าคิดจะทำแล้วขอแนะนำให้ฝ่ายหญิงอยู่ด้านบนหรือนอนตะแ คงข้างเข้าหากันจะดีกว่า เพราะในท่วงท่านี้ถ้าผู้ชายอยู่ด้านบนแล้วจะต้องเกร็งกล้ามเนื้อแขนและหนัง ท้องมาก อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองได้น้อยลงจนอาจเกิดการวูบขึ้นมาได้
ไม่ ได้ห้ามทำนะ...แค่ขอให้ระวังตัวหน่อยเท่านั้น เพราะท่วงท่านี้ใครๆ ก็รู้ว่า ... สุดยอดแห่งความหฤหรรษ์ของบริการชิวหาพาเพลินทีเดียว ไม่เชื่อก็ลองดู
อันดับที่สาม ... เซ็กซ์กับอีหนู
เชื่อไหมว่า ความรักทำให้ตาบอด ... มี การศึกษาวิจัยมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาว่าผู้ชายหลายคนเกิดอาการตาบอดมืดมั่ว ไปอย่างกะทันหัน เนื่องจากเกิดเส้นเลือดแตกที่หลังจอรับภาพของตา และพบว่ามีส่วนหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากลักลอบมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนลับๆ ที่ไม่ใช่ภรรยา
ข้อสรุปจึงอยู่ที่ว่า การมีเพศสัมพันธ์กับขาประจำนั้นไม่ค่อยจะตื่นเต้น ต่างจากการลักลอบมีเซ็กซ์ซึ่งตื่นเต้นกว่า เพราะบางครั้งก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ บางครั้งก็ต้องรีบเร่งทำเวลา และเมื่อ แปลกกลิ่น แปลกรสขึ้นมาเมื่อไรผู้ชายมักจะตื่นเต้น ที่นี้ถ้าคนไหนเป็นพวกที่มีโรคความดันโลหิตสูงอยู่หรือเป็นคนที่มีเส้นเลือด เปราะแล้ว พอถึงจุดสุดยอดความดันโลหิตที่สูงขึ้นและการที่เส้นเลือดบีบตัวในขณะที่ เกร็งสุดขีดเวลาหลั่งน้ำอสุจิ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกของเส้นเลือดได้
เส้น เลือดหลังจอรับภาพตาแตก ... ก็ตาบอดมืดมัวไป ถ้าเส้นเลือดในสมองแตก ... อะไรจะเกิดขึ้น เทวดาฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ ไม่ว่าจะร่วมรักกับใครก็อย่าตื่นเต้นมากนักเท่านั้นก็พอ อย่าใจร้อน เรื่องแบบนี้ค่อยทำค่อยไปทุกอย่างก็ราบรื่นและสุขสม และเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะร่วมรักท่าไหนก็มีโอกาสแทบทั้งสิ้น
อันดับที่สี่ ... ลิงอุ้มแตง
ท่า ร่วมรักที่เรียกว่าลิงอุ้มแตงนี้ คุณหมอสุกมล วิภาวีพลกุล เป็นคนบัญญัติเอาไว้ในหนังสือเพศศึกษาฮาสุดขีด ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เป็นท่วงท่าที่ผู้ชายเป็นฝ่ายยืนตัวตรงแล้วอุ้มผู้หญิงเอาไว้ จัดการทำการกระแทกกระทั้นด้วยการโอบอุ้มที่แนบแน่นต่อกันและกัน เป็นท่าร่วมรักอันตรายสำหรับผู้ชายที่ไม่แข็งแรงหรือกระดูกสันหลังบาง หรือเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่โดยไม่รู้ตัว เพราะในท่าร่วมรักดังกล่าวนี้กระดูกสันหลังของผู้ชายจะต้องรับน้ำหนักเป็น อย่างมากอาจเกิดการหักได้ จึงเป็นท่าร่วมรักอันตรายที่ไม่เหมาะสมกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาที่ แข็งแรง เรียกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ควรจะเลียนแบบ
อันดับที่ห้า ... ออรัลเซ็กซ์ในรถ
ที่ จริงแล้วการทำออรัลเซ็กซ์นั้นเป็นอรรถรสที่ให้ความสุขร่วมกันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ทำและผู้ถูกกระทำ และการทำออรัลเซ็กซ์นั้นสามารถทำที่ไหนก็ได้ เพราะไม่ได้ต้องการสถานที่ที่วิจิตรพิสดารแต่อย่างใด รวมทั้งในรถยนต์ด้วย ... นอกจากกรณีเดียว
กรณี นั้นก็คือ ผู้หญิงก้มลงทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้ชายที่กำลับขับรถอยู่ หรือจะเป็นผู้ชายก้มลงทำรักด้วยปากให้ผู้ชายอีกคนที่กำลังขับรถอยู่ก็ได้ เพราะเมื่อเวลาที่ผู้ชายถึงจุดสุดยอดเกิดการเกร็งสุดตัวอาจจะเผลอเหยียบคัน เร่งวิ่งไปชนรถที่สวนมาก็ได้ และบางคนนั้นก็อาจจะเกร็งจนลืมตัว ด้วยความตื่นเต้นไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้จนรถเกิดอุบัติเหตุไปชนกับรถคน อื่น ... จึงจัดว่าท่วงท่าการทำออรัลเซ็กซ์ในรถนั้น เป็นการร่วมรักที่อันตรายอีกท่วงท่าหนึ่ง จะทำรักกันทั้งทีจอดรถให้เรียบร้อยก่อนก็น่าจะดี ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนไปไหน และจะว่าหาความตื่นเต้นแบบใหม่ๆ กันก็ดีอยู่แต่อาจจะมีธุระต้องไปติดคุกเพราะไปชนคนตาย หรือต้องไปร่วมรักกันต่อในนรกหรือสวรรค์ก็ไม่รู้ และมักจะเกิดขึ้นเฉพาะผู้หญิงทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้ชายที่กำลังขับรถเสียด้วย ไม่เห็นมีรายงานว่าถ้าผู้ชายทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้หญิงที่กำลังขับรถอยู่แล้ว เป็นอะไรเลย
แต่มาคิด ดูว่ามันคงจะทำยากพอควรนะ เพราะต้องก้มศีรษะลงไปซอกซอนอยู่ระหว่างใต้พวงมาลัยกับเบาะที่นั่งด้านหน้า เผลอๆ ผู้ชายคนที่ก้มอาจจะเป็นลมแทนก็ได้เนื่องจากโลหิตไหลลงไปที่ศีรษะมากไป
ใช้ เรื่องพิเรนๆ แบบนี้น่ะเวลาเกิดเรื่องแล้ว เป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกที ไม่จำเป็นก็อย่าได้ลองเลย เพราะยังมีท่วงท่าลีลารักที่ปลอดภัยอีกมากมายไว้ให้ลอง เพราะแค่ท่ามาตรฐานก็ยังเป็นตกม้าตายไปตามๆ กันแล้ว
***แหล่งที่มา : น.พ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
โดย: วาศิล
มาวางแผนกุ๊กกิ๊ก แบบปลอดลูกกวน เพื่อฟื้นฟูความรักกันเถอะ
ผู้หญิงเรานี่นะ พอได้เป็น "แม่" ก็มักจะทุ่มเทความสนใจ (เกือบ) ทั้งหมดไปที่ลูก เช้าก็ลูก บ่ายก็ลูก เย็นย่ำค่ำลงก็ลูกอีก ยิ่งแม่ที่เป็น working mom ด้วยแล้ว ทั้งลูกทั้งงานเรียกและรีดเวลาความสนใจและพลังไปจนหมด ตกเย็นก็แทบจะไม่เหลือความสนใจใด ๆ ให้กับบทบาทของการเป็น "เมีย" เวลาที่จะดอดไป "กุ๊กกิ๊ก" กับพ่อยอดขมองอิ่มที่นอนก่ายหน้าผากรออยู่แทบเป็นศูนย์ วันสองวันคง ไม่เป็นไร แต่หากบ่อยเข้า เรื่องราวของสองเราคงเป็นปัญหาได้ เพราะเราคงเถียงไม่ได้ว่าเซ็กซ์เป็นส่วนสำคัญของชีวิตคู่ทีเดียวเชียว
เพราะฉะนั้น มองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้นะคะ ต้องหาเวลากุ๊กกิ๊กกัน เพื่อความกระชุ่มกระชวยของสองเราบ้างแล้ว
เรื่อง นี้กุญแจสำคัญอยู่ตรงที่การวางแผน ขั้นแรกต้องวางแผนให้ตัวเองปลอดจากลูก คุณแม่ทุกคนก็รู้ดีว่า เวลาที่มีเด็กอยู่ในบ้านเราจะหมดเสรีภาพทันที เพราะไม่รู้เขาจะร้องเรียกเราตอนไหน... อาจเป็นตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของเราก็ได้ !! เพราะฉะนั้นจัดการส่งลูกไปให้ญาติ ๆ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พี่ป้าน้าอาชื่นชมหรือช่วยเลี้ยงบ้างสัก 2-3 ชั่วโมงในตอนบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์
จาก นั้นคุยกับคุณสามี ให้รู้ล่วงหน้าว่า บ่ายนี้เป็นเวลาที่คุณจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีเซ็กซ์ในช่วงเวลานั้น แต่หมายความว่า คุณจะมีเวลาจู๋จี๋หนุงหนิงกันตามลำพัง ได้มีเวลาให้ความเอาใจใส่เฉพาะกันและกัน 2 คน โดยไม่มีลูกมากั้นกลาง คุณอาจจะลงเอยด้วยการไปเดินเล่น กอดก่ายกันบนโซฟาขณะดูหนังโรแมนติกกัน นวดให้กันและกัน ฯลฯ และในช่วงเวลาพิเศษนั้น หลายสิ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ และหนึ่งในหลายอย่างนั้นอาจเป็นเซ็กซ์ (ที่เร่าร้อนเหมือนก่อนมีลูก) ก็ได้
คุณ จะใช้วิธีใดเพื่อให้ปลอดลูกสักระยะก็ได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า คุณจะต้องวางแผนโดยนัดหมายเวลาที่แน่นอนกับคุณสามีเอาไว้ แบบเดียวกับที่คุณนัดหมอฟันนั่นแหละ เพียงแต่การนัดหมายนี้สนุกกว่านัดกับหมอฟันตั้งเยอะ...ฮิฮิฮิ
อย่าง ไรก็ตาม แผนการนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ คุณไม่ได้วางแผนว่าจะมีเซ็กซ์กันเป็นผลลัพธ์สุดท้าย หากต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้นก่อน สามีภรรยาบางคู่วางแผนหาเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง 2-3 ชั่วโมง โดยคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะมีเซ็กซ์กัน แต่กลับเป็นว่า ไปสร้างแรงกดดันให้ตัวเองว่าจะต้องมีอารมณ์เสน่หาขึ้นมาในตอนนั้น พออารมณ์ไม่มา ก็หงุดหงิดใส่กัน ทางที่ดีเราควรสร้างแรงปรารถนาในกันและกันก่อน (แบบที่เคยทำกันก่อนมีลูกน่ะ) แล้วเซ็กซ์ดี ๆ จะตามมาเอง
สำหรับ คุณแม่ที่ติดลูกมาก ๆ เคล็ดลับของแผนการนี้คือต้องปล่อยวางบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นห่วงลูกเมื่อไม่ได้อยู่กับคุณ ทำใจให้สบายว่าลูกจะไม่เป็นอะไร ปล่อยวางบทบาท "แม่" สักครู่ แล้วหันมาสวมบทบาท "เมีย" สนใจคนตัวโตที่อยู่ข้างหน้าเถอะค่ะ
ส่วน เวลากุ๊กกิ๊กกันตอนกลางคืน ในเมื่อคุณแม่รู้เวลาหลับเวลาตื่นของลูกอยู่แล้ว ก็ไม่ยาก คืนไหนที่อยากดูแลกันก็บอกกันล่วงหน้า กลางวันตัวคุณเองก็ต้องไม่ใส่พลังลงไปกับลูกจนหมดแม็ก เหลือไว้ให้พ่อของลูกบ้าง เมื่อลูกหลับก็นอนเคียงกัน คลอเคลีย เล้าโลมกันและกัน ไม่ช้าเครื่องของคุณทั้งคู่ก็ร้อนฉ่า แล้วสิ่งดี ๆ ที่ตามมาก็....
คงจะมีคนตอบว่าปกติ เพราะเขาเองก็อยากแอบดูด้วย ความอยากแอบดูอาจจะมีได้เป็นปกติ แต่ถ้าหากลงมือเจาะรูแอบดูหรือใช้วิธีการแอบดูอยู่เรื่อยๆ นั้น ถือว่าไม่ปกติแน่ๆ ถือว่าเป็นความเบี่ยงเบนทางเพศชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Voyeurism ซึ่งหมายถึง คนที่มีความสุขจากกการแอบดูคนอื่นเปลือยกาย ถ้าหากเป็นคนที่ชอบแอบดูคนอื่นร่วมเพศแล้วมีความสุขเรียกว่า Copophilia มีคนรายงานเข้ามาว่า ตามสวนสาธารณะหรือลานจอดรถในที่เปลี่ยวๆ หลายแห่งที่มีหนุ่มสาวไปพลอดรักกัน มักจะมีบุคคลเหล่านี้ไปแอบดูด้อมๆ มองๆ เป็นประจำ บางคนก็แอบดูในบ้านเช่น ตามรูกุญแจ หรือตามรอยแตกของห้องน้ำ หรือตามช่องหน้าต่าง
นอก จากจะถือว่าเป็นความเบี่ยงเบนทางเพศแล้ว ยังเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น และอาจจะถูกทำร้ายได้ง่ายโดยบุคคลที่ถูกแอบดูหรือญาติของเขา มีบางรายเล่าว่าเคยถูกไม้แทงสวนออกมาทางรูที่แอบดูเกือบทำให้ตาบอดก็มี บุคคลเหล่านี้ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านแขาเรียกว่า นักถ้ำมอง (Peeping Tom) พวกนี้มักเป็นผู้ชายแอบดูผู้หญิงเปลือยหรือร่วมเพศกับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบแอบดูผู้ชายเปลือยในห้องน้ำ มักจะเป็นพวกรักร่วมเพศ (Homosexual) บุคคล เหล่านี้มักจะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ แม้จะรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เป็นลักษณะของการย้ำคิดย้ำทำในขณะที่แอบดูบางคนจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองไป ด้วย จนถึงจุดสุดยอดได้ บุคคลเหล่านี้มักจะเป็นคนเรียบร้อย สมยอม ไม่ค่อยก้าวร้าว
ส่วนสาเหตุของการแอบดูคนอื่นเปลือยกายหรือร่วมเพศมาจาก
1. ขาดความอบอุ่นตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งในแง่ความรักและความสนใจ ทำให้รู้สึกว้าเหว่ไม่มั่นใจตัวเอง แม้ว่าบางคนจะมีพ่อแม่ที่เข้มแข็งมักจะอวดตัวเอง ยกตัวเอง และดูถูกลูกชายว่าต่ำต้อยด้อยกว่าก็พบได้มาก
2. มีความรู้สึกด้อยในความเป็นชาย คิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายไม่พอ และคิดว่าคนอื่นก็คิดเช่นเดียวกัน พวกนี้มักจะถูกดูถูกในความเป็นชายตั้งแต่เด็กๆ เช่น แม่หรือพ่อ ชอบล้อเลียนหรือติฉินว่าไม่เก่ง ไม่เป็นลูกผู้ชาย แหย หรือยกตัวอย่างว่าเขาอ่อนแอเหมือนคนที่อ่อนแออื่นๆ โดนการสบประมาทตลอดมา หลายๆ รายมีแม่ที่เข้มแข็ง มีพ่อที่อ่อนแอ และแม่ชอบประณามพ่อหรือเพศชายให้ลูกฟัง และติเตียนลูกว่า เขาจะอ่อนแอหรือเลวเหมือนพ่อ หรือเหมือนผู้ชายเหล่านั้น เด็กจึงหมดความภาคภูมิใจในความเป็นชาย และคิดว่าตัวเองด้อยความเป็นชายตลอดมา เขาจึงไม่กล้าจะจีบผู้หญิงทั่วไป หรือมีเซ็กส์กับผู้หญิงทั่วไปเหมือนผู้ชายอื่นๆ เพราะเขากลัวความล้มเหลวหรือกลัวว่าจะมีการล้มเหลวแน่ๆ แม้จะเป็นเพียงได้เห็นเท่านั้นก็ตาม
และในช่วงเวลาที่เขาแอบ ดูนั้นเขาจะรู้สึกว่าเขามีอำนาจอยู่เหนือคนอื่น ที่เขาสามารถเป็นผู้ชนะเป็นผู้กำความลับ โดยคนที่ถูกแอบดูถ้ารู้เข้าจะต้องอับอายเขา เขาจึงยอมเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย หรือเสี่ยงต่ออันตรายจากการถูกทำร้ายเพื่อจะได้รู้สึกเช่นนั้น
3. บางทฤษฎีเชื่อว่ามาจากการที่เด็กได้เห็นพ่อแม่ร่วมเพศกันตั้งแต่เด็กๆ (Primal Scene) เด็กอาจเข้าใจผิดฝังใจในความคิดฝันว่าพ่ออาจทำร้ายแม่ หรือพ่อตัดองคชาตออกไปจากแม่ทำให้แม่ไม่มีองคชาต หรือคิดกลับกันว่าแม่กำลังตัดองคชาตของพ่อออกไป เขาจึงกลัวการร่วมเพศ แต่จะฝังใจแอบดูคนอื่นร่วมเพศด้วยความตื่นเต้น และอาจมาจากความกลัวว่าพ่อแม่จะจับได้ จะถูกลงโทษด้วยการถูกตัดองคชาต การที่พ่อแม่ชอบขู่เด็กเล็กว่าถ้าทำอะไรผิดจะตัดองคชาติซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและไม่ควรทำ เพราะเด็กจะกลัวและฝันไปเองได้ต่างๆ นานา
การ แอบดูผู้อื่นนี้แม้จะแลดูเป็นเรื่องเล็กน้อย บางคนมองข้ามไปเพราะคิดว่าเป็นความปกติที่ผู้ชายชอบแอบดู แต่ผมขอบอกว่าไม่ใช่เป็นสิ่งปกติ เป็นพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศที่มาจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่ เด็กๆ ในสังคมที่มีความซับซ้อน ทุกคนต้องทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก โอกาสที่จะเกิดความเบี่ยงเบนเหล่านี้จะเกิดได้ง่าย
บุคคล เหล่านี้จะเติบโตต่อไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจตัวเอง รู้ว่าต้องทำความผิด รู้ว่าเป็นความผิดแต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องทำ บางรายเกิดความรู้สึกละอายแก่ตนเอง บางรายมีความเศร้าในชีวิตมากขึ้น
การ รักษาและช่วยเหลือนั้นทำได้ถ้าหากเขาต้องการให้รักษา ญาติหรือพ่อแม่ต้องให้ความร่วมมือจึงจะทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น (ในกรณีพาลูกซึ่งยังเป็นเด็กมา) แต่ส่วนใหญ่มักจะอายทั้งตัวผู้ทุกข์เองและญาติจึงไม่นำมารักษา ปล่อยไว้ให้เป็นความเก็บกดทางใจของผู้ทุกข์ต่อไป แม้ว่าเขาจะเติบโตเป็นคนฉลาด มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี แต่เขาก็จะทุกข์จากการที่เขามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมนี้ คนที่อยู่ใกล้ชิดก็ผวา ระแวง กลัวว่าจะถูกแอบมองอีก เหมือนเช่นกรณีเด็กวัยรุ่นแอบดูน้าสาวที่บ้านของเขา ซึ่งน้าสาวจะกลัวและระแวงมากแม้เด็กจะบอกไม่ทำอีกแล้วก็ตาม
การทำพฤติกรรมบำบัด จิตบำบัดและครอบครัวบำบัดจะช่วยได้มาก จะลดอัตราของผู้ที่แอบมองเหล่านี้ลง ใครๆ ก็ผวา Peeping Tom ครับ
อันดับที่หนึ่ง ... WOMAN ON TOP
เป็น ท่วงท่าที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน ไม่ว่าจะหันหน้า เข้าหากันหรือหันหน้าไปคนละทางก็ตามมีอันตรายเท่าเทียมกัน และเป็นท่วงท่าอันตรายที่สุดของการร่วมรักสำหรับท่านชายที เดียวเป็นคำรับรองเป็นเสียงเดียวจากหมอศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะชายที่ต้องผ่า ตัดซ่อมแซมของรักของหวงให้ชายหนุ่มไปมากหน้าหลายตาหลังจาก "หักกลางลำ"
ใคร จะคิดว่าอวัยวะส่วนนั้นของผู้ชายจะหักได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว และท่าของการร่วมรักที่ทำให้อวัยวะของรักของหวงหักได้มากที่สุดก็คือท่าร่วม รักที่เรียกว่า 'WOMAN ON TOP' นี่แหละ โดย เฉพาะยิ่งอวัยวะส่วนนั้นมีรูปร่างคดงอเวลาแข็งตัว โอกาสเกิดอันตรายจากท่าร่วมรักประเภทพี่ไม่ต้องน้องลุยเองจะยิ่งมากขึ้น ลองคิดดูว่าเวลาที่ผู้หญิงกระแทกตัวลงมาในขณะที่กำลังลืมตัวด้วยความเมามัน ในความสุขที่ได้รับจากการสัมผัสรักที่ทุกครั้งในการเสียดสีกันมักจะโดน "จีสปอต" ของเธอ เพราะในท่วงท่า WOMAN ON TOP นี้จะเป็นท่วงท่าที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะได้รับความหฤหรรษ์เป็นอย่างมากจากการ ร่วมรัก เนื่องจากจุดกระสันหรือจีสปอตของเธอได้รับการเสียดสีตลอดเวลา
ที นี้เมื่อเธอมีความเสียวซ่านจากสัมผัสรัก เธอก็จะยิ่งขยับเร็วขึ้นและแรงขึ้น แถมบางครั้งยังอาจจะยกก้นขึ้นสูงขึ้นด้วย ทำให้เวลากระแทกลงจะมีความรุนแรงมากขึ้น แล้วในจังหวะที่เธอกระแทกลงนั้นลองคิดดูว่าถ้าอวัยวะส่วนนั้นของท่านชายทำ มุมเอียงๆอยู่ โดนกระแทกลงมาเต็มแรง ... อะไรจะเกิดขึ้น นอกจากเสียงดังเป๊าะหนักแน่น แล้วส่วนนั้นก็หักกลางโดยปล่อยให้ส่วนปลายมีเลือดคั่งอยู่ แต่ส่วนโคนที่ต่ำลงจากจุดที่หักอ่อนตัวคอพับคออ่อนและเจ็บสุดชีวิต เจ็บเสียจนกระทั่งบางคนเป็นลมไปก็มี
การเรียน รู้และ เตรียมตัวที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้นจึงขอบอกว่ากรณีนี้มักจะไม่เกิดขึ้นกับคู่นอนที่เป็นตัวเป็นตน แต่มักจะเกิดขึ้นกับคนใหม่ และประเภทมือใหม่หัดขับแต่อยากซิ่ง ที่ต้องจำไว้ที่สุดก็คือ ถ้า อวัยวะส่วนนั้นของท่านชายกำลังแข็งตัวเต็มที่แล้ว ส่วนสงวนของสาวสวมอยู่แบบแนบสนิทโดยเฉพาะยิ่งประเภทช่องคลอดฟิตๆ และกล้ามเนื้อรอบช่องคลอดแข็งแรงแนบช่องคลอดสาวๆ แล้วละก็ ห้ามเอี้ยวตัวอย่างเด็ดขาดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอี้ยวตัวขึ้นมันจะเหมือนกับการบิดอวัยวะส่วนนั้น ที่กำลังแข็งตัวเต็มที่อยู่ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ... หักกลางลำตัวเช่นกัน
เตือนคุณแล้วนะ ... ถ้าไม่ระวังเกิดเรื่องเมื่อไร หมออาจจะเย็บต่อซ่อมแซมที่หักได้ แต่หลังจากนั้นอวัยวะส่วนนั้นมักจะเหลือไว้ทำงานอย่างเดียว คือมีไว้ใช้ปัสสาวะและจับเล่นแก้กลุ้ม
อันดับที่สอง ... SEXTY NINE
หรือ ที่บางคนเรียกว่า 69 ซึ่งเป็นการใช้ปากทำรักให้แก่กันไม่ว่าจะเป็นการที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งอยู่ด้านบน หรือนอนตะแคงข้างกลับหัวกลับเท้ากันก็แล้วแต่ เป็นการร่วมรักด้วยปากซึ่งส่วนใหญ่ให้ความหฤหรรษ์ค่อนข้างมาก เพราะได้ทั้งเห็นภายอวัยวะของกันและกัน ขณะเดียวกันก็ได้สูดกลิ่นฟีโรโมนซึ่งเป็นกลิ่นพิศวาสที่ระ เหยออกมาจากส่วนสงวน รวมทั้งได้รสของน้ำหล่อลื่นต่างๆ ที่หลั่งออกมาด้วยเวลาที่เกิดอารมณ์พิศวาส แน่นอนว่าย่อมมีเสียงแห่งความสุขเปล่งออกมาจากปากของแต่ละคนด้วย เรียกว่าพร้อมทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ทีเดียว เป็นการเร้าอารมณ์ที่เต็มรูปแบบ แต่ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ตื่นเต้นง่ายหรือคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่ เพราะอาจจะเกิดหัวใจวายอย่างกะทันหัน ด้วยเหตุนี้ถ้าเป็นคนที่ตื่นเต้นง่าย หรือหัวใจไม่ค่อยดีแล้ว เว้นท่านี้ไว้จะดีกว่า และถ้าคิดจะทำแล้วขอแนะนำให้ฝ่ายหญิงอยู่ด้านบนหรือนอนตะแ คงข้างเข้าหากันจะดีกว่า เพราะในท่วงท่านี้ถ้าผู้ชายอยู่ด้านบนแล้วจะต้องเกร็งกล้ามเนื้อแขนและหนัง ท้องมาก อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองได้น้อยลงจนอาจเกิดการวูบขึ้นมาได้
ไม่ ได้ห้ามทำนะ...แค่ขอให้ระวังตัวหน่อยเท่านั้น เพราะท่วงท่านี้ใครๆ ก็รู้ว่า ... สุดยอดแห่งความหฤหรรษ์ของบริการชิวหาพาเพลินทีเดียว ไม่เชื่อก็ลองดู
อันดับที่สาม ... เซ็กซ์กับอีหนู
เชื่อไหมว่า ความรักทำให้ตาบอด ... มี การศึกษาวิจัยมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาว่าผู้ชายหลายคนเกิดอาการตาบอดมืดมั่ว ไปอย่างกะทันหัน เนื่องจากเกิดเส้นเลือดแตกที่หลังจอรับภาพของตา และพบว่ามีส่วนหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากลักลอบมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนลับๆ ที่ไม่ใช่ภรรยา
ข้อสรุปจึงอยู่ที่ว่า การมีเพศสัมพันธ์กับขาประจำนั้นไม่ค่อยจะตื่นเต้น ต่างจากการลักลอบมีเซ็กซ์ซึ่งตื่นเต้นกว่า เพราะบางครั้งก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ บางครั้งก็ต้องรีบเร่งทำเวลา และเมื่อ แปลกกลิ่น แปลกรสขึ้นมาเมื่อไรผู้ชายมักจะตื่นเต้น ที่นี้ถ้าคนไหนเป็นพวกที่มีโรคความดันโลหิตสูงอยู่หรือเป็นคนที่มีเส้นเลือด เปราะแล้ว พอถึงจุดสุดยอดความดันโลหิตที่สูงขึ้นและการที่เส้นเลือดบีบตัวในขณะที่ เกร็งสุดขีดเวลาหลั่งน้ำอสุจิ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกของเส้นเลือดได้
เส้น เลือดหลังจอรับภาพตาแตก ... ก็ตาบอดมืดมัวไป ถ้าเส้นเลือดในสมองแตก ... อะไรจะเกิดขึ้น เทวดาฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ ไม่ว่าจะร่วมรักกับใครก็อย่าตื่นเต้นมากนักเท่านั้นก็พอ อย่าใจร้อน เรื่องแบบนี้ค่อยทำค่อยไปทุกอย่างก็ราบรื่นและสุขสม และเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะร่วมรักท่าไหนก็มีโอกาสแทบทั้งสิ้น
อันดับที่สี่ ... ลิงอุ้มแตง
ท่า ร่วมรักที่เรียกว่าลิงอุ้มแตงนี้ คุณหมอสุกมล วิภาวีพลกุล เป็นคนบัญญัติเอาไว้ในหนังสือเพศศึกษาฮาสุดขีด ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เป็นท่วงท่าที่ผู้ชายเป็นฝ่ายยืนตัวตรงแล้วอุ้มผู้หญิงเอาไว้ จัดการทำการกระแทกกระทั้นด้วยการโอบอุ้มที่แนบแน่นต่อกันและกัน เป็นท่าร่วมรักอันตรายสำหรับผู้ชายที่ไม่แข็งแรงหรือกระดูกสันหลังบาง หรือเป็นโรคกระดูกพรุนอยู่โดยไม่รู้ตัว เพราะในท่าร่วมรักดังกล่าวนี้กระดูกสันหลังของผู้ชายจะต้องรับน้ำหนักเป็น อย่างมากอาจเกิดการหักได้ จึงเป็นท่าร่วมรักอันตรายที่ไม่เหมาะสมกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาที่ แข็งแรง เรียกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่ควรจะเลียนแบบ
อันดับที่ห้า ... ออรัลเซ็กซ์ในรถ
ที่ จริงแล้วการทำออรัลเซ็กซ์นั้นเป็นอรรถรสที่ให้ความสุขร่วมกันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ทำและผู้ถูกกระทำ และการทำออรัลเซ็กซ์นั้นสามารถทำที่ไหนก็ได้ เพราะไม่ได้ต้องการสถานที่ที่วิจิตรพิสดารแต่อย่างใด รวมทั้งในรถยนต์ด้วย ... นอกจากกรณีเดียว
กรณี นั้นก็คือ ผู้หญิงก้มลงทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้ชายที่กำลับขับรถอยู่ หรือจะเป็นผู้ชายก้มลงทำรักด้วยปากให้ผู้ชายอีกคนที่กำลังขับรถอยู่ก็ได้ เพราะเมื่อเวลาที่ผู้ชายถึงจุดสุดยอดเกิดการเกร็งสุดตัวอาจจะเผลอเหยียบคัน เร่งวิ่งไปชนรถที่สวนมาก็ได้ และบางคนนั้นก็อาจจะเกร็งจนลืมตัว ด้วยความตื่นเต้นไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้จนรถเกิดอุบัติเหตุไปชนกับรถคน อื่น ... จึงจัดว่าท่วงท่าการทำออรัลเซ็กซ์ในรถนั้น เป็นการร่วมรักที่อันตรายอีกท่วงท่าหนึ่ง จะทำรักกันทั้งทีจอดรถให้เรียบร้อยก่อนก็น่าจะดี ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนไปไหน และจะว่าหาความตื่นเต้นแบบใหม่ๆ กันก็ดีอยู่แต่อาจจะมีธุระต้องไปติดคุกเพราะไปชนคนตาย หรือต้องไปร่วมรักกันต่อในนรกหรือสวรรค์ก็ไม่รู้ และมักจะเกิดขึ้นเฉพาะผู้หญิงทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้ชายที่กำลังขับรถเสียด้วย ไม่เห็นมีรายงานว่าถ้าผู้ชายทำออรัลเซ็กซ์ให้ผู้หญิงที่กำลังขับรถอยู่แล้ว เป็นอะไรเลย
แต่มาคิด ดูว่ามันคงจะทำยากพอควรนะ เพราะต้องก้มศีรษะลงไปซอกซอนอยู่ระหว่างใต้พวงมาลัยกับเบาะที่นั่งด้านหน้า เผลอๆ ผู้ชายคนที่ก้มอาจจะเป็นลมแทนก็ได้เนื่องจากโลหิตไหลลงไปที่ศีรษะมากไป
ใช้ เรื่องพิเรนๆ แบบนี้น่ะเวลาเกิดเรื่องแล้ว เป็นข่าวหน้าหนึ่งทุกที ไม่จำเป็นก็อย่าได้ลองเลย เพราะยังมีท่วงท่าลีลารักที่ปลอดภัยอีกมากมายไว้ให้ลอง เพราะแค่ท่ามาตรฐานก็ยังเป็นตกม้าตายไปตามๆ กันแล้ว
***แหล่งที่มา : น.พ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
*******************iFLoWeRs********************
8 ไม้เด็ด ของพ่อเจ้าประคุณ
8 ไม้เด็ดของพ่อเจ้าประคุณ (Teens & Family)
โดย: ส.นพมณี
8 ท่าไม้เด็ด ของคุณผู้ชายที่คุณสาว ๆ ควรรู้ไว้เพื่อรับมือ ส่วนคุณผู้ชายก็จะได้ทราบค่ะว่า ท่าไม้เด็ดของคุณนั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้ให้ถูกกาลเทศะและเพื่อให้สมานฉันท์
เพราะชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่คู่สามีภรรยาย่อมต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา และบนสังเวียนของการโต้เถียง ฝ่ายคุณผู้หญิงย่อมได้เปรียบ เพราะเป็นเพศที่มีความถนัดทางการใช้วาจาเป็นอาวุธ แต่ใช่ว่าคุณผู้ชายจะหมดทางสู้...เขาก็มีอาวุธลับ แม่ไม้ต่าง ๆ นานา มาโรมรันคุณได้เหมือนกัน
แม่ไม้ที่ 1 ทำหูทวนลม
เชื่อว่าพวกเราชาวดาวศุกร์คงเจอไม้นี้บ่อย ๆ เมื่อเราเอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังทำท่าจะเป็นปัญหา เช่น "ชั้นว่ามีบางอย่างที่เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้นนะ" สำหรับพวกดาวอังคารแล้ว คำพูดแบบนี้เท่ากับตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่อง และเหมือนการบอกเป็นนัย ๆ ว่าเราอยากจะหลุดพ้นวิถีชีวิตที่ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ๆ อย่างนี้เต็มทน
หรือถ้าเราเง้างอดว่า "อะไรกัน? คุณให้ฉันทำไข่เจียวแค่เนี้ยเหรอ? นี่คุณกำลังหาว่าชั้นขี้เกียจ รึว่าทำอะไรไม่เป็นรึไง นี่รู้ไหม ฉันน่ะมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้คุณทานนะ แต่ที่สำคัญฉันงงมากที่คุณดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย คุณทำท่าเหมือนว่าอยากเลิกกับชั้นยังงั้นแหละ....” ไม่ว่าเราจะพยายามระบายความอัดอั้นตันใจแ ละต้องการให้เขาหันมาปรับความเข้าใจเพียงไร เขาก็ทำเหมือนกับว่าเราบ่นไปงั้น ๆ แล้วทำเป็นหูทวนลมเสีย
แม่ไม้ที่ 2 ทำเป็นฉุน
นี่คือกลยุทธ์ของผู้ชายที่ใช้มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ เวลาเข้าตาจนถูกคุณภรรยาซักไซร้ไล่เรียง เขามักจะชิงทำท่าโกรธเกรี้ยวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นการปกป้องตัวเอง มิให้ฝ่ายหญิงตั้งรับทัน และเป็นการตัดบทปิดประเด็นที่เป็นความกันอยู่
แม่ไม้ที่ 3 คิดเอาเอง
"เฮ้อ! เหนื่อยเหลือเกิน" แค่คำพูดลอย ๆ ที่เราบ่นกับตัวเอง เพราะเหนื่อยจากการงานหรือจากการดูแลลูกเต้า ฝ่ายเขาพานเข้าใจไปเองว่าเราพูดกระทบ เขารู้สึกเกลียดเข้าไส้ แทนที่จะหันมาใส่ใจไถ่ถามด้วยความห่วงใย หรือรีบเข้ามาช่วยทำงาน กลับมาโกรธเราแล้วงอนตุ๊บป่องไปเลย
แม่ไม้ที่ 4 เบี่ยงเบนประเด็น
เมื่อเจอเรื่องที่รู้ตัวว่าไม่มีทางโต้แย้งได้แน่ ๆ คุณสามีก็มักจะมีแทคติกง่าย ๆ ในการตั้งรับสายตาจ้องจับผิดของภรรยา อย่างเช่น เมื่อถูกภรรยาต่อว่า "เมื่อคืนคุณดื่มไวน์มากไปหน่อยนะ แถมซดเบียร์อีก 3 ขวด" เขารู้ว่ายากจะปฏิเสธ (เพราะหลักฐานปรากฏอยู่ทนโท่) จึงทำเป็นรีบยอมรับผิด และออกปากว่าจะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก แล้วหาเรื่องมาพูดกลบเกลื่อนบรรยากาศคุกรุ่น หรือเฉไฉไปเรื่องอื่น เช่น นี่ถ้าเป็นลุงผมนะ คุณไม่มีทางจับได้หรอก แฮะ ๆ
แม่ไม้ที่ 5 ขอโทษไปงั้น ๆ
การกล่าวคำ "ขอโทษ" หรือ "เสียใจ" ทำนองว่า "ผมขอโทษละกัน...ถ้าคุณเห็นว่าผมผิด" พ่อเจ้าประคุณอาจไม่ได้เอ่ยออกมาจากใจจริง แต่เป็นการตบตาเพื่อยุติเรื่องราวชวนสยอง (ที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำมือภรรยา) หรือไม่ก็เป็นคำพูดประเภทว่า "เอาละ ผมยอมรับว่าคุณเป็นฝ่ายถูก ส่วนผมมันเป็นคนที่เฮงซวยที่สุดในโลก" (เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุดเย้ยหยันประชดประชัน)
แม่ไม้ที่ 6 ทำเป็นบูดบึ้ง
แทนที่จะจับเข่าพูดคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ว่ามีเรื่องใดไม่สบอารมณ์ คุณผู้ชายกลับชักสีหน้าบูดบึ้งขมึงทึงสัก 2-3 วัน เพื่อให้เรารู้สึกว่า "ผมเริ่มไม่สบอารมณ์" หรือ "ชักจะทนคุณไม่ไหวแล้วนะ" และถ้าเรายังเฉยอยู่ เขาก็จะงึมงำว่า "ผมว่าเราแยกกันอยู่สักพักจะดีกว่า"
แม่ไม้ที่ 7 ทำเป็นอมทุกข์
ถ้าการชักสีหน้ายังไม่บรรลุผล พ่อตัวดีของเราอาจแสร้งทำตัวอมทุกข์อย่างสาหัสใ ห้คุณสงสารจนต้องเป็นฝ่าย เข้าไปเอาใจ เช่น ก้มหน้าก้มตาทำงานเยี่ยงทาส ถึงเวลากินก็ไม่กิน หอบหมอนไปนอนตากยุงนอกห้อง เป็นต้น
แม่ไม้ที่ 8 หันหลังให้แล้วเดินจากไป
ด้วยวิธีที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าผู้ชายยังไม่สามารถเอาตัวรอด หรือเอาชนะผู้หญิงได้ เขาอาจใช้ไม้ตายนี้ เพราะรู้ดีว่าทักษะในการโต้ตอบด้วยวาจาไม่เก่งกาจเท่าผู้หญิง เขาคิดว่า "พูดไปก็เท่านั้น ยังไงซะคุณก็เป็นฝ่ายชนะเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นฝ่ายถูกหรอกนะ แต่ผมรู้ว่าผมเถียงสู้คุณไม่ได้" ที่สุดเลยใช้วิธีหันหลังให้แล้วเดินจากไป ปล่อยให้เราอึ้ง ทึ่ง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
... ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยย่อมม้วยมรณาด้วยคำพูดหวานหูด้วยกันทุกราย จำไว้นะพวกเรา
โดย: ส.นพมณี
8 ท่าไม้เด็ด ของคุณผู้ชายที่คุณสาว ๆ ควรรู้ไว้เพื่อรับมือ ส่วนคุณผู้ชายก็จะได้ทราบค่ะว่า ท่าไม้เด็ดของคุณนั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้ให้ถูกกาลเทศะและเพื่อให้สมานฉันท์
เพราะชีวิตคู่ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่คู่สามีภรรยาย่อมต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา และบนสังเวียนของการโต้เถียง ฝ่ายคุณผู้หญิงย่อมได้เปรียบ เพราะเป็นเพศที่มีความถนัดทางการใช้วาจาเป็นอาวุธ แต่ใช่ว่าคุณผู้ชายจะหมดทางสู้...เขาก็มีอาวุธลับ แม่ไม้ต่าง ๆ นานา มาโรมรันคุณได้เหมือนกัน
แม่ไม้ที่ 1 ทำหูทวนลม
เชื่อว่าพวกเราชาวดาวศุกร์คงเจอไม้นี้บ่อย ๆ เมื่อเราเอ่ยปากเรื่องความสัมพันธ์ที่กำลังทำท่าจะเป็นปัญหา เช่น "ชั้นว่ามีบางอย่างที่เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้นนะ" สำหรับพวกดาวอังคารแล้ว คำพูดแบบนี้เท่ากับตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีข้อบกพร่อง และเหมือนการบอกเป็นนัย ๆ ว่าเราอยากจะหลุดพ้นวิถีชีวิตที่ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ๆ อย่างนี้เต็มทน
หรือถ้าเราเง้างอดว่า "อะไรกัน? คุณให้ฉันทำไข่เจียวแค่เนี้ยเหรอ? นี่คุณกำลังหาว่าชั้นขี้เกียจ รึว่าทำอะไรไม่เป็นรึไง นี่รู้ไหม ฉันน่ะมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้คุณทานนะ แต่ที่สำคัญฉันงงมากที่คุณดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย คุณทำท่าเหมือนว่าอยากเลิกกับชั้นยังงั้นแหละ....” ไม่ว่าเราจะพยายามระบายความอัดอั้นตันใจแ ละต้องการให้เขาหันมาปรับความเข้าใจเพียงไร เขาก็ทำเหมือนกับว่าเราบ่นไปงั้น ๆ แล้วทำเป็นหูทวนลมเสีย
แม่ไม้ที่ 2 ทำเป็นฉุน
นี่คือกลยุทธ์ของผู้ชายที่ใช้มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ เวลาเข้าตาจนถูกคุณภรรยาซักไซร้ไล่เรียง เขามักจะชิงทำท่าโกรธเกรี้ยวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เป็นการปกป้องตัวเอง มิให้ฝ่ายหญิงตั้งรับทัน และเป็นการตัดบทปิดประเด็นที่เป็นความกันอยู่
แม่ไม้ที่ 3 คิดเอาเอง
"เฮ้อ! เหนื่อยเหลือเกิน" แค่คำพูดลอย ๆ ที่เราบ่นกับตัวเอง เพราะเหนื่อยจากการงานหรือจากการดูแลลูกเต้า ฝ่ายเขาพานเข้าใจไปเองว่าเราพูดกระทบ เขารู้สึกเกลียดเข้าไส้ แทนที่จะหันมาใส่ใจไถ่ถามด้วยความห่วงใย หรือรีบเข้ามาช่วยทำงาน กลับมาโกรธเราแล้วงอนตุ๊บป่องไปเลย
แม่ไม้ที่ 4 เบี่ยงเบนประเด็น
เมื่อเจอเรื่องที่รู้ตัวว่าไม่มีทางโต้แย้งได้แน่ ๆ คุณสามีก็มักจะมีแทคติกง่าย ๆ ในการตั้งรับสายตาจ้องจับผิดของภรรยา อย่างเช่น เมื่อถูกภรรยาต่อว่า "เมื่อคืนคุณดื่มไวน์มากไปหน่อยนะ แถมซดเบียร์อีก 3 ขวด" เขารู้ว่ายากจะปฏิเสธ (เพราะหลักฐานปรากฏอยู่ทนโท่) จึงทำเป็นรีบยอมรับผิด และออกปากว่าจะไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก แล้วหาเรื่องมาพูดกลบเกลื่อนบรรยากาศคุกรุ่น หรือเฉไฉไปเรื่องอื่น เช่น นี่ถ้าเป็นลุงผมนะ คุณไม่มีทางจับได้หรอก แฮะ ๆ
แม่ไม้ที่ 5 ขอโทษไปงั้น ๆ
การกล่าวคำ "ขอโทษ" หรือ "เสียใจ" ทำนองว่า "ผมขอโทษละกัน...ถ้าคุณเห็นว่าผมผิด" พ่อเจ้าประคุณอาจไม่ได้เอ่ยออกมาจากใจจริง แต่เป็นการตบตาเพื่อยุติเรื่องราวชวนสยอง (ที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำมือภรรยา) หรือไม่ก็เป็นคำพูดประเภทว่า "เอาละ ผมยอมรับว่าคุณเป็นฝ่ายถูก ส่วนผมมันเป็นคนที่เฮงซวยที่สุดในโลก" (เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สุดเย้ยหยันประชดประชัน)
แม่ไม้ที่ 6 ทำเป็นบูดบึ้ง
แทนที่จะจับเข่าพูดคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ว่ามีเรื่องใดไม่สบอารมณ์ คุณผู้ชายกลับชักสีหน้าบูดบึ้งขมึงทึงสัก 2-3 วัน เพื่อให้เรารู้สึกว่า "ผมเริ่มไม่สบอารมณ์" หรือ "ชักจะทนคุณไม่ไหวแล้วนะ" และถ้าเรายังเฉยอยู่ เขาก็จะงึมงำว่า "ผมว่าเราแยกกันอยู่สักพักจะดีกว่า"
แม่ไม้ที่ 7 ทำเป็นอมทุกข์
ถ้าการชักสีหน้ายังไม่บรรลุผล พ่อตัวดีของเราอาจแสร้งทำตัวอมทุกข์อย่างสาหัสใ ห้คุณสงสารจนต้องเป็นฝ่าย เข้าไปเอาใจ เช่น ก้มหน้าก้มตาทำงานเยี่ยงทาส ถึงเวลากินก็ไม่กิน หอบหมอนไปนอนตากยุงนอกห้อง เป็นต้น
แม่ไม้ที่ 8 หันหลังให้แล้วเดินจากไป
ด้วยวิธีที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าผู้ชายยังไม่สามารถเอาตัวรอด หรือเอาชนะผู้หญิงได้ เขาอาจใช้ไม้ตายนี้ เพราะรู้ดีว่าทักษะในการโต้ตอบด้วยวาจาไม่เก่งกาจเท่าผู้หญิง เขาคิดว่า "พูดไปก็เท่านั้น ยังไงซะคุณก็เป็นฝ่ายชนะเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าคุณเป็นฝ่ายถูกหรอกนะ แต่ผมรู้ว่าผมเถียงสู้คุณไม่ได้" ที่สุดเลยใช้วิธีหันหลังให้แล้วเดินจากไป ปล่อยให้เราอึ้ง ทึ่ง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
... ไม่ว่าจะมาไม้ไหน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยย่อมม้วยมรณาด้วยคำพูดหวานหูด้วยกันทุกราย จำไว้นะพวกเรา
*******************iFLoWeRs********************
เซ็กซ์ดีดี ต้องมี...เวลา(ให้)
เซ็กซ์ดีดี ต้องมี...เวลา(ให้) (SHE'S smart)
โดย: วาศิล
มาวางแผนกุ๊กกิ๊ก แบบปลอดลูกกวน เพื่อฟื้นฟูความรักกันเถอะ
ผู้หญิงเรานี่นะ พอได้เป็น "แม่" ก็มักจะทุ่มเทความสนใจ (เกือบ) ทั้งหมดไปที่ลูก เช้าก็ลูก บ่ายก็ลูก เย็นย่ำค่ำลงก็ลูกอีก ยิ่งแม่ที่เป็น working mom ด้วยแล้ว ทั้งลูกทั้งงานเรียกและรีดเวลาความสนใจและพลังไปจนหมด ตกเย็นก็แทบจะไม่เหลือความสนใจใด ๆ ให้กับบทบาทของการเป็น "เมีย" เวลาที่จะดอดไป "กุ๊กกิ๊ก" กับพ่อยอดขมองอิ่มที่นอนก่ายหน้าผากรออยู่แทบเป็นศูนย์ วันสองวันคง ไม่เป็นไร แต่หากบ่อยเข้า เรื่องราวของสองเราคงเป็นปัญหาได้ เพราะเราคงเถียงไม่ได้ว่าเซ็กซ์เป็นส่วนสำคัญของชีวิตคู่ทีเดียวเชียว
เพราะฉะนั้น มองข้ามเรื่องนี้ไม่ได้นะคะ ต้องหาเวลากุ๊กกิ๊กกัน เพื่อความกระชุ่มกระชวยของสองเราบ้างแล้ว
เรื่อง นี้กุญแจสำคัญอยู่ตรงที่การวางแผน ขั้นแรกต้องวางแผนให้ตัวเองปลอดจากลูก คุณแม่ทุกคนก็รู้ดีว่า เวลาที่มีเด็กอยู่ในบ้านเราจะหมดเสรีภาพทันที เพราะไม่รู้เขาจะร้องเรียกเราตอนไหน... อาจเป็นตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของเราก็ได้ !! เพราะฉะนั้นจัดการส่งลูกไปให้ญาติ ๆ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พี่ป้าน้าอาชื่นชมหรือช่วยเลี้ยงบ้างสัก 2-3 ชั่วโมงในตอนบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์
จาก นั้นคุยกับคุณสามี ให้รู้ล่วงหน้าว่า บ่ายนี้เป็นเวลาที่คุณจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีเซ็กซ์ในช่วงเวลานั้น แต่หมายความว่า คุณจะมีเวลาจู๋จี๋หนุงหนิงกันตามลำพัง ได้มีเวลาให้ความเอาใจใส่เฉพาะกันและกัน 2 คน โดยไม่มีลูกมากั้นกลาง คุณอาจจะลงเอยด้วยการไปเดินเล่น กอดก่ายกันบนโซฟาขณะดูหนังโรแมนติกกัน นวดให้กันและกัน ฯลฯ และในช่วงเวลาพิเศษนั้น หลายสิ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ และหนึ่งในหลายอย่างนั้นอาจเป็นเซ็กซ์ (ที่เร่าร้อนเหมือนก่อนมีลูก) ก็ได้
คุณ จะใช้วิธีใดเพื่อให้ปลอดลูกสักระยะก็ได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า คุณจะต้องวางแผนโดยนัดหมายเวลาที่แน่นอนกับคุณสามีเอาไว้ แบบเดียวกับที่คุณนัดหมอฟันนั่นแหละ เพียงแต่การนัดหมายนี้สนุกกว่านัดกับหมอฟันตั้งเยอะ...ฮิฮิฮิ
อย่าง ไรก็ตาม แผนการนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ คุณไม่ได้วางแผนว่าจะมีเซ็กซ์กันเป็นผลลัพธ์สุดท้าย หากต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเท่านั้นก่อน สามีภรรยาบางคู่วางแผนหาเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง 2-3 ชั่วโมง โดยคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะมีเซ็กซ์กัน แต่กลับเป็นว่า ไปสร้างแรงกดดันให้ตัวเองว่าจะต้องมีอารมณ์เสน่หาขึ้นมาในตอนนั้น พออารมณ์ไม่มา ก็หงุดหงิดใส่กัน ทางที่ดีเราควรสร้างแรงปรารถนาในกันและกันก่อน (แบบที่เคยทำกันก่อนมีลูกน่ะ) แล้วเซ็กซ์ดี ๆ จะตามมาเอง
สำหรับ คุณแม่ที่ติดลูกมาก ๆ เคล็ดลับของแผนการนี้คือต้องปล่อยวางบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นห่วงลูกเมื่อไม่ได้อยู่กับคุณ ทำใจให้สบายว่าลูกจะไม่เป็นอะไร ปล่อยวางบทบาท "แม่" สักครู่ แล้วหันมาสวมบทบาท "เมีย" สนใจคนตัวโตที่อยู่ข้างหน้าเถอะค่ะ
ส่วน เวลากุ๊กกิ๊กกันตอนกลางคืน ในเมื่อคุณแม่รู้เวลาหลับเวลาตื่นของลูกอยู่แล้ว ก็ไม่ยาก คืนไหนที่อยากดูแลกันก็บอกกันล่วงหน้า กลางวันตัวคุณเองก็ต้องไม่ใส่พลังลงไปกับลูกจนหมดแม็ก เหลือไว้ให้พ่อของลูกบ้าง เมื่อลูกหลับก็นอนเคียงกัน คลอเคลีย เล้าโลมกันและกัน ไม่ช้าเครื่องของคุณทั้งคู่ก็ร้อนฉ่า แล้วสิ่งดี ๆ ที่ตามมาก็....
*******************iFLoWeRs********************
ชอบแอบดูสาวๆ อาบน้ำหรือมีเซ็กส์ เรื่องธรรมชาติหรือผิดปกติ
การที่ผู้ชายแอบดูผู้หญิงอาบน้ำหรือร่วมเพศนั้น ถ้าถามผู้ชายทั่วๆ ไปว่าเป็นสิ่งผิดปกติไหม?
นอก จากจะถือว่าเป็นความเบี่ยงเบนทางเพศแล้ว ยังเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น และอาจจะถูกทำร้ายได้ง่ายโดยบุคคลที่ถูกแอบดูหรือญาติของเขา มีบางรายเล่าว่าเคยถูกไม้แทงสวนออกมาทางรูที่แอบดูเกือบทำให้ตาบอดก็มี บุคคลเหล่านี้ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านแขาเรียกว่า นักถ้ำมอง (Peeping Tom) พวกนี้มักเป็นผู้ชายแอบดูผู้หญิงเปลือยหรือร่วมเพศกับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบแอบดูผู้ชายเปลือยในห้องน้ำ มักจะเป็นพวกรักร่วมเพศ (Homosexual) บุคคล เหล่านี้มักจะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ แม้จะรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เป็นลักษณะของการย้ำคิดย้ำทำในขณะที่แอบดูบางคนจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองไป ด้วย จนถึงจุดสุดยอดได้ บุคคลเหล่านี้มักจะเป็นคนเรียบร้อย สมยอม ไม่ค่อยก้าวร้าว
1. ขาดความอบอุ่นตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งในแง่ความรักและความสนใจ ทำให้รู้สึกว้าเหว่ไม่มั่นใจตัวเอง แม้ว่าบางคนจะมีพ่อแม่ที่เข้มแข็งมักจะอวดตัวเอง ยกตัวเอง และดูถูกลูกชายว่าต่ำต้อยด้อยกว่าก็พบได้มาก
2. มีความรู้สึกด้อยในความเป็นชาย คิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายไม่พอ และคิดว่าคนอื่นก็คิดเช่นเดียวกัน พวกนี้มักจะถูกดูถูกในความเป็นชายตั้งแต่เด็กๆ เช่น แม่หรือพ่อ ชอบล้อเลียนหรือติฉินว่าไม่เก่ง ไม่เป็นลูกผู้ชาย แหย หรือยกตัวอย่างว่าเขาอ่อนแอเหมือนคนที่อ่อนแออื่นๆ โดนการสบประมาทตลอดมา หลายๆ รายมีแม่ที่เข้มแข็ง มีพ่อที่อ่อนแอ และแม่ชอบประณามพ่อหรือเพศชายให้ลูกฟัง และติเตียนลูกว่า เขาจะอ่อนแอหรือเลวเหมือนพ่อ หรือเหมือนผู้ชายเหล่านั้น เด็กจึงหมดความภาคภูมิใจในความเป็นชาย และคิดว่าตัวเองด้อยความเป็นชายตลอดมา เขาจึงไม่กล้าจะจีบผู้หญิงทั่วไป หรือมีเซ็กส์กับผู้หญิงทั่วไปเหมือนผู้ชายอื่นๆ เพราะเขากลัวความล้มเหลวหรือกลัวว่าจะมีการล้มเหลวแน่ๆ แม้จะเป็นเพียงได้เห็นเท่านั้นก็ตาม
และในช่วงเวลาที่เขาแอบ ดูนั้นเขาจะรู้สึกว่าเขามีอำนาจอยู่เหนือคนอื่น ที่เขาสามารถเป็นผู้ชนะเป็นผู้กำความลับ โดยคนที่ถูกแอบดูถ้ารู้เข้าจะต้องอับอายเขา เขาจึงยอมเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย หรือเสี่ยงต่ออันตรายจากการถูกทำร้ายเพื่อจะได้รู้สึกเช่นนั้น
3. บางทฤษฎีเชื่อว่ามาจากการที่เด็กได้เห็นพ่อแม่ร่วมเพศกันตั้งแต่เด็กๆ (Primal Scene) เด็กอาจเข้าใจผิดฝังใจในความคิดฝันว่าพ่ออาจทำร้ายแม่ หรือพ่อตัดองคชาตออกไปจากแม่ทำให้แม่ไม่มีองคชาต หรือคิดกลับกันว่าแม่กำลังตัดองคชาตของพ่อออกไป เขาจึงกลัวการร่วมเพศ แต่จะฝังใจแอบดูคนอื่นร่วมเพศด้วยความตื่นเต้น และอาจมาจากความกลัวว่าพ่อแม่จะจับได้ จะถูกลงโทษด้วยการถูกตัดองคชาต การที่พ่อแม่ชอบขู่เด็กเล็กว่าถ้าทำอะไรผิดจะตัดองคชาติซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและไม่ควรทำ เพราะเด็กจะกลัวและฝันไปเองได้ต่างๆ นานา
การ แอบดูผู้อื่นนี้แม้จะแลดูเป็นเรื่องเล็กน้อย บางคนมองข้ามไปเพราะคิดว่าเป็นความปกติที่ผู้ชายชอบแอบดู แต่ผมขอบอกว่าไม่ใช่เป็นสิ่งปกติ เป็นพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศที่มาจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมตั้งแต่ เด็กๆ ในสังคมที่มีความซับซ้อน ทุกคนต้องทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก โอกาสที่จะเกิดความเบี่ยงเบนเหล่านี้จะเกิดได้ง่าย
บุคคล เหล่านี้จะเติบโตต่อไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจตัวเอง รู้ว่าต้องทำความผิด รู้ว่าเป็นความผิดแต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องทำ บางรายเกิดความรู้สึกละอายแก่ตนเอง บางรายมีความเศร้าในชีวิตมากขึ้น
การ รักษาและช่วยเหลือนั้นทำได้ถ้าหากเขาต้องการให้รักษา ญาติหรือพ่อแม่ต้องให้ความร่วมมือจึงจะทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น (ในกรณีพาลูกซึ่งยังเป็นเด็กมา) แต่ส่วนใหญ่มักจะอายทั้งตัวผู้ทุกข์เองและญาติจึงไม่นำมารักษา ปล่อยไว้ให้เป็นความเก็บกดทางใจของผู้ทุกข์ต่อไป แม้ว่าเขาจะเติบโตเป็นคนฉลาด มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี แต่เขาก็จะทุกข์จากการที่เขามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมนี้ คนที่อยู่ใกล้ชิดก็ผวา ระแวง กลัวว่าจะถูกแอบมองอีก เหมือนเช่นกรณีเด็กวัยรุ่นแอบดูน้าสาวที่บ้านของเขา ซึ่งน้าสาวจะกลัวและระแวงมากแม้เด็กจะบอกไม่ทำอีกแล้วก็ตาม
การทำพฤติกรรมบำบัด จิตบำบัดและครอบครัวบำบัดจะช่วยได้มาก จะลดอัตราของผู้ที่แอบมองเหล่านี้ลง ใครๆ ก็ผวา Peeping Tom ครับ
*******************iFLoWeRs********************
9 วิธี สู่ออกัสซั่ม
9 วิธี สู่ออกัสซั่ม (Lisa)
องค์ ประกอบหลายอย่างที่จะช่วยให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น เช่น การมีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่แข็งแรง มีเซ็กส์กับหนุ่มหล่อ ฯลฯ เป็นที่รู้ ๆ กันว่าผู้ชายออกัสซั่มได้ง่ายกว่าผู้หญิง ใน ขณะที่ผู้หญิงต้องมีจิตใจที่พร้อม จึงจะประสบความสำเร็จกับการไต่ขึ้นสวรรค์ นอกจากนี้ ก็ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่จะช่วยนำทางให้ผู้หญิงไปถึงฝั่งได้
1. รองเท้าส้นสูง...บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
การใส่รองเท้าส้นสูง นอกจากจะทำให้น่องเรียวสวยและเพิ่มส่วนสูงแล้ว มันยังมีส่วนช่วยในเรื่องเซ็กส์อีกด้วย ทั้งนี้ นางผดุงครรภ์ในยุโรปเคยแนะนำไว้นานแล้ว และนักวิชาการ มาเรีย เซอรูโต (Maria Cerruto) จากมหาวิทยาลัยเวโรนา ก็ยืนยันด้วยว่า การสวมใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง ซึ่งจะช่วยให้สนุกกับเซ็กส์มากขึ้น และควรเป็นรองเท้าที่มีส้นสูง 5 เซนติเมตร เพราะหากสาว ๆ ที่บริหารอุ้งเชิงกรานเป็นประจำ ก็จะมีโอกาสถึงจุดสุดยอดได้มากขึ้นสามเท่า หรือคุณอาจบริหารด้วยท่าอื่น ๆ ก็ได้ที่ช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง หากคุณมีปัญหากับการใส่รองเท้าส้นสูง
2. หนุ่มหล่อ...ช่วยให้เซ็กส์บรรเจิด
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะชอบผู้ชายหล่อ หน้าตาดี โดยเฉพาะหากเป็นหนุ่มคนรักด้วยก็ยิ่งดี ซึ่งนักวิชาการบอกว่าหากผู้หญิงได้หลับนอนกับหนุ่มหล่อมีเสน่ห์ รับรองว่าผู้หญิงจะออกัสซั่มได้บ่อยขึ้น ยิ่งเป็นหนุ่มมีเสน่ห์ก็จะต้องมียีนที่ดี และน่าจะเป็นพ่อในฝันสำหรับลูก ๆ ด้วยความคิดนี้จึงทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น
3. การผ่อนคลาย...ช่วยให้ผู้หญิงถึงฝั่ง
สมองของผู้หญิงต่างไปจากผู้ชาย นักวิจัยชาวฮอลแลนด์วัดการทำงานของสมองของหญิงชาย และสรุปว่าการที่ผู้หญิงจะถึงจุดสุดยอด ขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่ผ่อนคลาย แต่ผู้ชายสามารถกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ทางกายโดยเฉพาะที่อวัยวะเพศ
4. มีเซ็กส์บ่อย...ช่วยให้อ่อนเยาว์
นักจิตวิทยา เดวิด วีคส์ จากเอดินเบอร์กกล่าวว่า การมีเซ็กส์สม่ำเสมอจะช่วยให้หน้าตาดูอ่อนเยาว์ โดยเฉพาะการมีเซ็กส์สม่ำเสมอตลอด 7 ปีก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ไม่พังครืนง่าย ๆ นอกจากนี้ การมีเซ็กส์ยังช่วยลดไขมัน ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินในการลดความเจ็บปวดและความกลัว แต่แพทย์กล่าวว่าการมีเซ็กส์สม่ำเสมอในที่นี้ก็คือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และคู่ที่มีเซ็กส์สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยมากกว่า 10 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน ที่ชอบนอนมากกว่ามีกิจกรรมบนเตียงนอน
5. วิ่ง...ช่วยให้ถึงจุดสุดยอดเร็ว
การออกกำลังกายช่วยให้ถึงจุดสุดยอด อย่างเช่น จ๊อกกิ้งหรือเดินเร็ว ๆ จะช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงนอกจากจะมีเซ็กส์ได้นานแล้ว ยังสนุกกับเซ็กส์ได้มากกว่าด้วย เนื่องจากมีเลือดไหลเวียนดีที่บริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะกีฬาบางชนิดจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีที่ศูนย์อารมณ์ นอกจากนี้ คนที่ออกกำลังกายส่วนมากมักรู้จักร่างกายตัวเอง จึงเสพสุขจากเซ็กส์ได้มากกว่า
6. รักนาน ๆ...ออกัสซั่มง่าย
การมีคู่ชีวิตที่มั่นคงจะทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายกว่า การมีเซ็กส์แบบ One Night Stand ทั้งนี้ จากการศึกษาของดูเซ็กส์เมื่อปี 2008 พบว่า มีสาวโสดเพียง 22% ที่ถึงจุดสุดยอด ในขณะที่ผู้หญิงที่มีคู่ถาวรมีจำนวนถึง 43% ที่ถึงจุดสุดยอด โดยเฉพาะผู้ชายทุกคนที่อยู่กับคู่รักมักไต่ขึ้นสวรรค์ได้บ่อยที่สุด ส่วนผู้หญิงที่มีแฟน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันได้ขึ้นสวรรค์แค่หนึ่งในสามเท่านั้น ในขณะที่ 75% ของผู้ชายทั่วไปมีออกัสซั่มสม่ำเสมอ และที่น่าสนใจก็คือ 83% ของผู้หญิงที่มีเซ็กส์กับเพศเดียวกัน ช่วยกันพายเรือจนถึงฝั่งได้สำเร็จสมใจหมาย
7. กลิ่น...ช่วยให้เกิดอารมณ์
จากการศึกษาของ Berliner Charité ในประเทศเยอรมนีพบว่า กลิ่นของชายหนุ่มมีความสำคัญมากที่สุด ในการกระตุ้นให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอด อันดับสองรองลงมาก็คือ "เสียง" อันดับสามคือความสะอาด อันดับสี่คือ การกระตุ้นคลิตอริส และอันดับบ๊วยคือความปลอดภัยจากโรค ที่น่าแปลกใจก็คือ การที่ผู้หญิงจะถึงฝั่งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของฝ่ายชายด้วย และที่ไม่สำคัญเลยก็คือ ขนาดอวัยวะเพศของชายหนุ่ม
8. ท่าเดิน...บอกนัยการขึ้นสวรรค์ง่ายหรือไม่
นักวิจัยสรุปมาว่า สะโพกแกว่งไกวขณะเดินของผู้หญิง สามารถบอกได้ว่าเธอคนนั้นมีเซ็กส์ดีแค่ไหน โดยการดูท่าเดินของผู้หญิงก็จะบอกได้ว่า เธอมีออกัสซั่มได้มากน้อยแค่ไหน นั่นคือ ผู้หญิงที่มีท่าเดินที่ก้าวยา วและเดินบิดบั้นเอวจะถึงจุดสุดยอดได้มากกว่า นอกจากนี้ จากการศึกษาของนักวิชาการชาวออสเตรเลียยังพบว่า ผู้หญิงและผู้ชายจะขึ้นสวรรค์ได้ หากได้เปลี่ยนท่าทางการมีเซ็กส์หลาย ๆ ท่า อวัยวะที่มีความสำคัญกับการถึงจุดสุดยอดก็คืออวัยวะเพศ ปาก และมือ
9. เซ็กส์...ช่วยลดความเจ็บปวด
เป็นที่งงงวยกันมากที่พบว่า คนที่เป็นไมเกรนมักมีอารมณ์เซ็กส์มากกว่าคนที่แค่ปวดหัวธรรมดา ซึ่งอาจเกิดจากฮอร์โมนเซโรโทนินที่ควบคุมความรู้สึกทางเพศ และเป็นตัวที่ทำให้เกิดไมเกรน นอกจากนี้ การปวดศีรษะธรรมดาก็รักษาได้ด้วยการมีเซ็กส์ หากมีออกัสซั่มก็จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ซึ่งเป็นตัวฆ่าความ เจ็บปวดในร่างกาย ฉะนั้น ถ้าสุดที่รักของคุณปฏิเสธการมีเซ็กส์เพราะปวดศีรษะ ก็อาจเป็นข้อแก้ตัวก็ได้
ข้อควรรู้
- ออกัสซั่มของผู้หญิงขึ้นอยู่กับยีน การที่ผู้หญิงจะไต่ถึงจุดสุดยอดได้ง่าย หรือบ่อยครั้งแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับยีน ที่รับมาจากบรรพบุรุษด้วย
- การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับยีน แต่เราก็สามารถใช้ความสามารถจากประสบการณ์ได้เพราะ 82% ของผู้หญิงบอกว่า ออกัสซั่มสามารถเรียนรู้กันได้ โดยเฉพาะหากมีจินตนาการของตัวเอง
องค์ ประกอบหลายอย่างที่จะช่วยให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น เช่น การมีกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่แข็งแรง มีเซ็กส์กับหนุ่มหล่อ ฯลฯ เป็นที่รู้ ๆ กันว่าผู้ชายออกัสซั่มได้ง่ายกว่าผู้หญิง ใน ขณะที่ผู้หญิงต้องมีจิตใจที่พร้อม จึงจะประสบความสำเร็จกับการไต่ขึ้นสวรรค์ นอกจากนี้ ก็ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่จะช่วยนำทางให้ผู้หญิงไปถึงฝั่งได้
1. รองเท้าส้นสูง...บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
การใส่รองเท้าส้นสูง นอกจากจะทำให้น่องเรียวสวยและเพิ่มส่วนสูงแล้ว มันยังมีส่วนช่วยในเรื่องเซ็กส์อีกด้วย ทั้งนี้ นางผดุงครรภ์ในยุโรปเคยแนะนำไว้นานแล้ว และนักวิชาการ มาเรีย เซอรูโต (Maria Cerruto) จากมหาวิทยาลัยเวโรนา ก็ยืนยันด้วยว่า การสวมใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง ซึ่งจะช่วยให้สนุกกับเซ็กส์มากขึ้น และควรเป็นรองเท้าที่มีส้นสูง 5 เซนติเมตร เพราะหากสาว ๆ ที่บริหารอุ้งเชิงกรานเป็นประจำ ก็จะมีโอกาสถึงจุดสุดยอดได้มากขึ้นสามเท่า หรือคุณอาจบริหารด้วยท่าอื่น ๆ ก็ได้ที่ช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง หากคุณมีปัญหากับการใส่รองเท้าส้นสูง
2. หนุ่มหล่อ...ช่วยให้เซ็กส์บรรเจิด
เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะชอบผู้ชายหล่อ หน้าตาดี โดยเฉพาะหากเป็นหนุ่มคนรักด้วยก็ยิ่งดี ซึ่งนักวิชาการบอกว่าหากผู้หญิงได้หลับนอนกับหนุ่มหล่อมีเสน่ห์ รับรองว่าผู้หญิงจะออกัสซั่มได้บ่อยขึ้น ยิ่งเป็นหนุ่มมีเสน่ห์ก็จะต้องมียีนที่ดี และน่าจะเป็นพ่อในฝันสำหรับลูก ๆ ด้วยความคิดนี้จึงทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น
3. การผ่อนคลาย...ช่วยให้ผู้หญิงถึงฝั่ง
สมองของผู้หญิงต่างไปจากผู้ชาย นักวิจัยชาวฮอลแลนด์วัดการทำงานของสมองของหญิงชาย และสรุปว่าการที่ผู้หญิงจะถึงจุดสุดยอด ขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่ผ่อนคลาย แต่ผู้ชายสามารถกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ทางกายโดยเฉพาะที่อวัยวะเพศ
4. มีเซ็กส์บ่อย...ช่วยให้อ่อนเยาว์
นักจิตวิทยา เดวิด วีคส์ จากเอดินเบอร์กกล่าวว่า การมีเซ็กส์สม่ำเสมอจะช่วยให้หน้าตาดูอ่อนเยาว์ โดยเฉพาะการมีเซ็กส์สม่ำเสมอตลอด 7 ปีก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ไม่พังครืนง่าย ๆ นอกจากนี้ การมีเซ็กส์ยังช่วยลดไขมัน ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินในการลดความเจ็บปวดและความกลัว แต่แพทย์กล่าวว่าการมีเซ็กส์สม่ำเสมอในที่นี้ก็คือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และคู่ที่มีเซ็กส์สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะมีใบหน้าอ่อนกว่าวัยมากกว่า 10 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน ที่ชอบนอนมากกว่ามีกิจกรรมบนเตียงนอน
5. วิ่ง...ช่วยให้ถึงจุดสุดยอดเร็ว
การออกกำลังกายช่วยให้ถึงจุดสุดยอด อย่างเช่น จ๊อกกิ้งหรือเดินเร็ว ๆ จะช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงนอกจากจะมีเซ็กส์ได้นานแล้ว ยังสนุกกับเซ็กส์ได้มากกว่าด้วย เนื่องจากมีเลือดไหลเวียนดีที่บริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะกีฬาบางชนิดจะช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีที่ศูนย์อารมณ์ นอกจากนี้ คนที่ออกกำลังกายส่วนมากมักรู้จักร่างกายตัวเอง จึงเสพสุขจากเซ็กส์ได้มากกว่า
6. รักนาน ๆ...ออกัสซั่มง่าย
การมีคู่ชีวิตที่มั่นคงจะทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายกว่า การมีเซ็กส์แบบ One Night Stand ทั้งนี้ จากการศึกษาของดูเซ็กส์เมื่อปี 2008 พบว่า มีสาวโสดเพียง 22% ที่ถึงจุดสุดยอด ในขณะที่ผู้หญิงที่มีคู่ถาวรมีจำนวนถึง 43% ที่ถึงจุดสุดยอด โดยเฉพาะผู้ชายทุกคนที่อยู่กับคู่รักมักไต่ขึ้นสวรรค์ได้บ่อยที่สุด ส่วนผู้หญิงที่มีแฟน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันได้ขึ้นสวรรค์แค่หนึ่งในสามเท่านั้น ในขณะที่ 75% ของผู้ชายทั่วไปมีออกัสซั่มสม่ำเสมอ และที่น่าสนใจก็คือ 83% ของผู้หญิงที่มีเซ็กส์กับเพศเดียวกัน ช่วยกันพายเรือจนถึงฝั่งได้สำเร็จสมใจหมาย
7. กลิ่น...ช่วยให้เกิดอารมณ์
จากการศึกษาของ Berliner Charité ในประเทศเยอรมนีพบว่า กลิ่นของชายหนุ่มมีความสำคัญมากที่สุด ในการกระตุ้นให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอด อันดับสองรองลงมาก็คือ "เสียง" อันดับสามคือความสะอาด อันดับสี่คือ การกระตุ้นคลิตอริส และอันดับบ๊วยคือความปลอดภัยจากโรค ที่น่าแปลกใจก็คือ การที่ผู้หญิงจะถึงฝั่งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของฝ่ายชายด้วย และที่ไม่สำคัญเลยก็คือ ขนาดอวัยวะเพศของชายหนุ่ม
8. ท่าเดิน...บอกนัยการขึ้นสวรรค์ง่ายหรือไม่
นักวิจัยสรุปมาว่า สะโพกแกว่งไกวขณะเดินของผู้หญิง สามารถบอกได้ว่าเธอคนนั้นมีเซ็กส์ดีแค่ไหน โดยการดูท่าเดินของผู้หญิงก็จะบอกได้ว่า เธอมีออกัสซั่มได้มากน้อยแค่ไหน นั่นคือ ผู้หญิงที่มีท่าเดินที่ก้าวยา วและเดินบิดบั้นเอวจะถึงจุดสุดยอดได้มากกว่า นอกจากนี้ จากการศึกษาของนักวิชาการชาวออสเตรเลียยังพบว่า ผู้หญิงและผู้ชายจะขึ้นสวรรค์ได้ หากได้เปลี่ยนท่าทางการมีเซ็กส์หลาย ๆ ท่า อวัยวะที่มีความสำคัญกับการถึงจุดสุดยอดก็คืออวัยวะเพศ ปาก และมือ
9. เซ็กส์...ช่วยลดความเจ็บปวด
เป็นที่งงงวยกันมากที่พบว่า คนที่เป็นไมเกรนมักมีอารมณ์เซ็กส์มากกว่าคนที่แค่ปวดหัวธรรมดา ซึ่งอาจเกิดจากฮอร์โมนเซโรโทนินที่ควบคุมความรู้สึกทางเพศ และเป็นตัวที่ทำให้เกิดไมเกรน นอกจากนี้ การปวดศีรษะธรรมดาก็รักษาได้ด้วยการมีเซ็กส์ หากมีออกัสซั่มก็จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ซึ่งเป็นตัวฆ่าความ เจ็บปวดในร่างกาย ฉะนั้น ถ้าสุดที่รักของคุณปฏิเสธการมีเซ็กส์เพราะปวดศีรษะ ก็อาจเป็นข้อแก้ตัวก็ได้
ข้อควรรู้
- ออกัสซั่มของผู้หญิงขึ้นอยู่กับยีน การที่ผู้หญิงจะไต่ถึงจุดสุดยอดได้ง่าย หรือบ่อยครั้งแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับยีน ที่รับมาจากบรรพบุรุษด้วย
- การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับยีน แต่เราก็สามารถใช้ความสามารถจากประสบการณ์ได้เพราะ 82% ของผู้หญิงบอกว่า ออกัสซั่มสามารถเรียนรู้กันได้ โดยเฉพาะหากมีจินตนาการของตัวเอง
*******************iFLoWeRs********************
ความเชื่อผิด ๆ เรื่องการออกัสซั่มของผู้หญิง
How Well Do You Know Your O? (Lisa)
การอ อกัสซั่มของคุณมีบทบาทหลายอย่าง จะทำอย่างไรให้มันกลายเป็นส่วนสำคัญ และทรงอำนาจยิ่งขึ้นในชีวิตของคุณ ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งปรับตัวเข้ากับร่างกายของคุณได้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นสามารถนำไปสู่การไคลแม็กซ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นได้ ฉะนั้น อ่านต่อไป เพื่อความค้นหาความจริงอันแสนเซ็กซี่เกี่ยวกับสุขสุดยอดของคุณ
ผู้หญิงทุกคนสามารถออกัสซั่มได้
ถูก : ยก เว้นในกรณีที่หาได้ค่อนข้างยาก โอกาสที่จะออกัสซั่มเกิดขึ้นได้สำหรับทุกคน ฉะนั้น ถ้าคุณไม่เคยออกัสซั่มเลย มันก็เป็นไปได้ว่า คุณก็แค่ยังไม่พบวิธีการที่ถูกต้อง หรืออาจมีปัญหาอย่างอื่น ทั้งความเครียด ความเจ็บปวดในอดีต หรือการกินยาต้านอาการซึมเศร้า ล้วนสามารถตัดหนทางที่จะก้าวสู่จุดสุดยอดได้ทั้งสิ้น แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ลองพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถ้าคุณมีปัญหานี้ พวกเขาจะสามารถแยกแยะปัญหาออกมา และแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ได้
จีสปอตคือความลับของการออกัสซั่มแบบสุดยอด
ไม่แน่ : นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างก้ำกึ่งสักหน่อย การศึกษาบางชิ้นชี้ว่า การกระตุ้นจีสปอตบริเวณเล็ก ๆ ที่มีพื้นผิวขรุขระบนผนังช่องคลอดด้านหน้าของคุณ ลึกเข้าไปราวสองสามนิ้ว สามารถนำไปสู่การออกัสซั่มที่แสนสั่นสะเทือนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การออกัสซั่มจากการกระตุ้นจีสปอตไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป ผู้หญิงบางคนก็ชอบความรู้สึกของการถูกกระตุ้นที่จีสปอต และรู้สึกว่ามันทำให้ออกัสซั่มอย่างรุนแรง แต่บางคนก็ไม่ค่อยชอบ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนปวดฉี่ มันจึงขึ้นอยู่กับผู้หญิงแต่ละคนมากกว่า
ผู้หญิงทุกคนควรไคลแม็กซ์จากการร่วมเพศ
ผิด : การศึกษาวิจัยแสดงว่าราว 70 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิงไม่ได้ออกัสซั่มจากการร่วมเพศอย่างเดียว มันมีความแตกต่างกันอย่างมากในร่างกายของผู้หญิงแต่ละคน สำหรับผู้หญิงจำนวนมาก การกระตุ้นที่คลิตอริสได้ผลในการทำให้ออกัสซั่ม มากกว่าการรุกล้ำภายใน แต่หากต้องการเพิ่มโอกาสในการออกัสซั่ม เนื่องจากความรู้สึกทั้งจากช่องคลอด คลิตอริส มดลูก และปากมดลูก ล้วนทำให้เกิดการออกัสซั่ม ยิ่งบริเวณเหล่านี้ได้รับการกระตุ้นมากแค่ไหน คุณก็ยิ่งมีโอกาสที่จะออกั่สซั่มมากขึ้นเท่านั้น ลองใช้มือของคุณ หรือของเขา หรือไวเบรเตอร์ เพื่อเพิ่มการกระตุ้นที่คลิคอริสในระหว่างมีเซ็กส์ หรือหาท่าทางอื่นที่จะทำให้มีการรุกล้ำที่ลึกขึ้น เพื่อกระตุ้นปากมดลูกให้มากขึ้น
การฝึกท่าเคเกล นำไปสู่การออกัสซั่มที่รุนแรงขึ้น
ถูก : การบริหารแบบเคเกลเป็นการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ ที่ทำให้กล้ามเนื้อช่วงเชิงกรานแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นบริเวณที่มีปลายประสาทที่ให้ความสุขแก่ช่องคลอด กล้ามเนื้อบริเวณนี้ที่แข็งแรงขึ้น จึงเกี่ยวกับการตอบสนองของการออกัสซั่มโดยตรง
ท่าผู้หญิงอยู่ข้างบนเป็นท่าที่ดีที่สุด ในการทำให้ออกัสซั่ม
ผิด : ผู้หญิงบางคนชอบท่าอยู่ข้างบน เพราะเธอสามารถควบคุมจังหวะของการรุกล้ำ และเพิ่มการกระตุ้นคลิตอริสได้ ด้วยการกดตัวเองแนบลงกับกระดูกหัวเหน่าของฝ่ายชาย แต่ผู้หญิงจำนวนมากก็ชอบท่าเข้าข้างหลัง หรือท่าที่ผู้หญิงอยู่ข้างบนแต่หันหน้าไปทางปลายเท้าของฝ่ายชาย เพราะทั้งสองท่านี้ ทำให้อวัยวะของผู้ชายกระตุ้นที่ผนังช่องคลอดด้านหน้าที่ มีการตอบสนองที่ดีกว่า มันจึงขึ้นกับความชอบส่วนบุคคลมากกว่า
การอ อกัสซั่มของคุณมีบทบาทหลายอย่าง จะทำอย่างไรให้มันกลายเป็นส่วนสำคัญ และทรงอำนาจยิ่งขึ้นในชีวิตของคุณ ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งปรับตัวเข้ากับร่างกายของคุณได้มากขึ้นเท่านั้น และนั่นสามารถนำไปสู่การไคลแม็กซ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นได้ ฉะนั้น อ่านต่อไป เพื่อความค้นหาความจริงอันแสนเซ็กซี่เกี่ยวกับสุขสุดยอดของคุณ
ผู้หญิงทุกคนสามารถออกัสซั่มได้
ถูก : ยก เว้นในกรณีที่หาได้ค่อนข้างยาก โอกาสที่จะออกัสซั่มเกิดขึ้นได้สำหรับทุกคน ฉะนั้น ถ้าคุณไม่เคยออกัสซั่มเลย มันก็เป็นไปได้ว่า คุณก็แค่ยังไม่พบวิธีการที่ถูกต้อง หรืออาจมีปัญหาอย่างอื่น ทั้งความเครียด ความเจ็บปวดในอดีต หรือการกินยาต้านอาการซึมเศร้า ล้วนสามารถตัดหนทางที่จะก้าวสู่จุดสุดยอดได้ทั้งสิ้น แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ลองพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถ้าคุณมีปัญหานี้ พวกเขาจะสามารถแยกแยะปัญหาออกมา และแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ได้
จีสปอตคือความลับของการออกัสซั่มแบบสุดยอด
ไม่แน่ : นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างก้ำกึ่งสักหน่อย การศึกษาบางชิ้นชี้ว่า การกระตุ้นจีสปอตบริเวณเล็ก ๆ ที่มีพื้นผิวขรุขระบนผนังช่องคลอดด้านหน้าของคุณ ลึกเข้าไปราวสองสามนิ้ว สามารถนำไปสู่การออกัสซั่มที่แสนสั่นสะเทือนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การออกัสซั่มจากการกระตุ้นจีสปอตไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป ผู้หญิงบางคนก็ชอบความรู้สึกของการถูกกระตุ้นที่จีสปอต และรู้สึกว่ามันทำให้ออกัสซั่มอย่างรุนแรง แต่บางคนก็ไม่ค่อยชอบ เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนปวดฉี่ มันจึงขึ้นอยู่กับผู้หญิงแต่ละคนมากกว่า
ผู้หญิงทุกคนควรไคลแม็กซ์จากการร่วมเพศ
ผิด : การศึกษาวิจัยแสดงว่าราว 70 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิงไม่ได้ออกัสซั่มจากการร่วมเพศอย่างเดียว มันมีความแตกต่างกันอย่างมากในร่างกายของผู้หญิงแต่ละคน สำหรับผู้หญิงจำนวนมาก การกระตุ้นที่คลิตอริสได้ผลในการทำให้ออกัสซั่ม มากกว่าการรุกล้ำภายใน แต่หากต้องการเพิ่มโอกาสในการออกัสซั่ม เนื่องจากความรู้สึกทั้งจากช่องคลอด คลิตอริส มดลูก และปากมดลูก ล้วนทำให้เกิดการออกัสซั่ม ยิ่งบริเวณเหล่านี้ได้รับการกระตุ้นมากแค่ไหน คุณก็ยิ่งมีโอกาสที่จะออกั่สซั่มมากขึ้นเท่านั้น ลองใช้มือของคุณ หรือของเขา หรือไวเบรเตอร์ เพื่อเพิ่มการกระตุ้นที่คลิคอริสในระหว่างมีเซ็กส์ หรือหาท่าทางอื่นที่จะทำให้มีการรุกล้ำที่ลึกขึ้น เพื่อกระตุ้นปากมดลูกให้มากขึ้น
การฝึกท่าเคเกล นำไปสู่การออกัสซั่มที่รุนแรงขึ้น
ถูก : การบริหารแบบเคเกลเป็นการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ ที่ทำให้กล้ามเนื้อช่วงเชิงกรานแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นบริเวณที่มีปลายประสาทที่ให้ความสุขแก่ช่องคลอด กล้ามเนื้อบริเวณนี้ที่แข็งแรงขึ้น จึงเกี่ยวกับการตอบสนองของการออกัสซั่มโดยตรง
ท่าผู้หญิงอยู่ข้างบนเป็นท่าที่ดีที่สุด ในการทำให้ออกัสซั่ม
ผิด : ผู้หญิงบางคนชอบท่าอยู่ข้างบน เพราะเธอสามารถควบคุมจังหวะของการรุกล้ำ และเพิ่มการกระตุ้นคลิตอริสได้ ด้วยการกดตัวเองแนบลงกับกระดูกหัวเหน่าของฝ่ายชาย แต่ผู้หญิงจำนวนมากก็ชอบท่าเข้าข้างหลัง หรือท่าที่ผู้หญิงอยู่ข้างบนแต่หันหน้าไปทางปลายเท้าของฝ่ายชาย เพราะทั้งสองท่านี้ ทำให้อวัยวะของผู้ชายกระตุ้นที่ผนังช่องคลอดด้านหน้าที่ มีการตอบสนองที่ดีกว่า มันจึงขึ้นกับความชอบส่วนบุคคลมากกว่า
*******************iFLoWeRs********************
13 ทางเลือกสร้างเซ็กส์สุขสม
13 ทางเลือกสร้างเซ็กส์สุขสม (รักลูก)
งานวิจัยพบว่าเซ็กส์ที่มีสุขมักเป็นเซ็กส์ที่มีความแปลกใหม่ ไม่จำเจ ซึ่งการเลือก (สร้าง) บรรยากาศในการมีเซ็กส์นั้น ช่วยได้มากเลยล่ะค่ะ
1. เลือกการร่วมมือร่วมใจ
ความพร้อมในการมีเซ็กส์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พร้อม การขืนใจในขณะที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม นอกจากทำให้บรรยากาศการมีเซ็กส์เสีย ทำให้เซ็กส์เป็นทุกข์ แล้วยังเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าชายขืนใจหญิง หรือหญิงขืนใจชายก็ตาม
2. เลือกการเล้าโลม
มีงานวิจัยพบว่าการเล้าโลมไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาที ทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้เกือบร้อยละร้อยความเป็นจริง คำว่าเล้าโลมเพียงพอไม่ได้อยู่ที่เวลาอย่างเดียว แต่จะต้องรู้จุดและรู้ใจจึงจะทำได้ถูกจุดและถูกใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และการจะรู้ได้ก็ต้องใช้การสื่อสารถามไถ่ และดูปฏิกิริยาการตอบสนองของการเล้าโลม
3. เลือกการแต่งกาย
ใครว่าไม่สำคัญ หากอยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ คุณไม่เคยปล่อยตัวให้มอซอหรือล้าสมัย อยู่ต่อหน้าคู่รักสองต่อสองก็ควรแต่งกายเช่นนั้น ชุดนอนดูดีมีสไตล์ สวยน่ารัก ผิวผ้านิ่ม ลื่น เซ็กซี่ ทำให้เซ็กส์เร้าใจ อันที่จริงคุณสามารถดัดแปลงสไตล์ต่าง ๆ ให้เร้าใจได้ไม่ยากหากอยู่กันตามลำพัง เช่น ฝ่ายหญิงสวมเสื้อเชิ้ตโนบราฝ่ายชายไม่สวมเสื้อหรือโชว์กล้าม ฯลฯ
4. เลือกสิ่งแวดล้อม
เป็นเรื่องของแสงสี เสียง กลิ่น ที่มีอิทธิพลต่อความรัก เปลี่ยนจากบรรยากาศมืดตึ๊ดตื๋อมาเป็นแสงสลัวหรือแสงสีต่างๆ ด้วยสีนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์ เช่น สีเขียวทำให้ผ่อนคลายสบายตัว ใจเย็น สีม่วงเพิ่มความรู้สึกสร้างสรรค์ สีแดงกระตุ้นให้กระฉับกระเฉง สีเหลืองอบอุ่นนุ่มนวล หรือขับกล่อมด้วยเพลงสไตล์ที่ชอบ เสริมด้วยกลิ่นหอมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
5. เลือกสถานที่
หากจำเจกับห้องนอนและเตียงนอนเดิม ๆ ควรเปลี่ยนสถานที่ การไปเที่ยวทัวร์ทั่วไทยกับคู่รัก นอกจากจะเพิ่มรายได้ให้ประเทศแล้ว ยังช่วยให้การมีเซ็กส์ไม่จำเจในสถานที่เดิม ๆ หรือถ้ามีงบจะไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมือง ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแปลกใหม่ให้ค่ะ แต่หากอยากประหยัด การจัดเปลี่ยนห้องนอนตกแต่งมุมห้อง ย้ายสิ่งโน้นออกสิ่งนี้เข้า ก็เป็นการเปลี่ยนสถานที่ที่ทำให้เซ็กส์เป็นเรื่องตื่นเต้นขึ้น ตามมาด้วยความสุขและสมหวังขอบคุณทั้งคู่
6. เลือกความเป็นส่วนตัว
คู่รักจำนวนมากบอกว่าอุปสรรคของการมีเซ็กส์คือลูก หรือทีวีในห้องนอน คุณอาจจะต้องหากลวิธี เช่น ฝากลูกให้ญาติช่วยดูแล หรือย้ายเจ้าตู้สี่เหลี่ยมตัวอุปสรรคนี้ออกไปจากห้องนอน
7. เลือกเวลา
การมีเซ็กส์ตอนเช้าตรู่ ในขณะที่ฮอร์โมนของฝ่ายชายทำงานเต็มที่ หรือเซอร์ไพรส์ตอนบ่ายของวันหยุดหลังออกกำลังกาย รับประทานอาหาร และพักผ่อนแบบสบายกาย สบายใจไปแล้ว
8. เลือกความผ่อนคลาย
ควรทำบรรยากาศรอบข้างให้ผ่อนคลาย เช่น นวดเนื้อตัวให้กันก่อนทำรัก และไม่น่าเชื่อนะคะ งานวิจัยพบว่า การทำสมาธิก่อนทำรักทำให้จิตใจสงบ ทำให้การทำรักมีความสุขดื่มด่ำขึ้น
9. เลือกท่า
คุณควรศึกษาท่าทำรักซึ่งมีหลายร้อยหลายพันท่า และนำมาประยุกต์กับคู่ของเรา ควรมีสื่อสารและตกลงกันก่อนเปลี่ยนท่า ทั้งควรระวังท่าที่อาจเกิดอันตราย เช่น ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหัวทิ่มบ่อ หรือเป่าลมเข้าไปในช่อคลอด ซึ่งอาจเกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
10. เลือกวิธีอื่น ๆ บ้าง
เช่น เปลี่ยนจากการสอดใส่เป็นการช่วยให้อีกฝ่ายช่วยตนเอง หรือทำรักด้วยปาก การเปลี่ยนบรรยากาศของการมีเซ็กส์แบบนี้ ขึ้นอยู่กับรสนิยมของเจ้าตัวซึ่งต้องสอดคล้องกับคู่รัก ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องตกลงและยินยอมพร้อมใจกันก่อนนะคะ
11. เลือกเทคนิค
คุณอาจใช้เทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อหรือเป็นความสามารถส่วนบุคคล ที่ทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ เช่น การมีเซ็กส์แบบไม่หลั่งหรือใช้ร่องอก ขาหนีบ เป็นที่สอดใส่แทนช่องทางปกติ
12. ลองเลือกใช้อุปกรณ์
เช่น ใช้เซ็กส์ทอย ร่วมกับการมีเซ็กส์ ปกติ หรือเลือกใช้เจลหล่อลื่นที่เป็นสูตรน้ำให้ความลื่น หรือเจลหล่อลื่นที่มีชิลิโคนผสม ซึ่งอาจให้ความนิ่มนวลและหล่อลื่นนาน หรือเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่มีลูกเล่น เช่น มีกลิ่นผลไม้ วาวแสงในที่มืด มีเสียงดนตรีเร่งเร้าเมื่อถึงจุดสุดยอด ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ สร้างบรรยากาศความพึงพอใจในการมีเซ็กส์ได้ค่ะ
13. เลือกใช้คำพูด
การใช้คำพูดสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในบรรดาการสร้างบรรยากาศทั้งหมด คำพูดที่ถูกใจทำให้ผู้คนสนิทชิดเชื้อรักใคร่กัน สำหรับเรื่องเซ็กส์ คำพูดมีอิทธิพลสูงกับการกระตุ้นความต้องการทางเพศ ทราบรสนิยมทางเพศ เตรียมมีเพศสัมพันธ์ และจากกันอย่างประทับใจ เพราะคำพูด ไม่ใช่เฉพาะการเลือกใช้ถ้อยคำ แต่ยังเกี่ยวข้องกับน้ำเสียง กิริยาท่าทางประกอบการพูด เช่น คุณอาจจะถามเรื่องการโลมเล้า ขณะนั่งอิงแอบแนบชิด หรือเล่าเรื่องขำขันทะลึ่ง ๆ ตลก ๆ ขณะนุ่งเสื้อผ้าโปร่งใส เป็นต้น
งานวิจัยพบว่าเซ็กส์ที่มีสุขมักเป็นเซ็กส์ที่มีความแปลกใหม่ ไม่จำเจ ซึ่งการเลือก (สร้าง) บรรยากาศในการมีเซ็กส์นั้น ช่วยได้มากเลยล่ะค่ะ
1. เลือกการร่วมมือร่วมใจ
ความพร้อมในการมีเซ็กส์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พร้อม การขืนใจในขณะที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม นอกจากทำให้บรรยากาศการมีเซ็กส์เสีย ทำให้เซ็กส์เป็นทุกข์ แล้วยังเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าชายขืนใจหญิง หรือหญิงขืนใจชายก็ตาม
2. เลือกการเล้าโลม
มีงานวิจัยพบว่าการเล้าโลมไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาที ทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้เกือบร้อยละร้อยความเป็นจริง คำว่าเล้าโลมเพียงพอไม่ได้อยู่ที่เวลาอย่างเดียว แต่จะต้องรู้จุดและรู้ใจจึงจะทำได้ถูกจุดและถูกใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และการจะรู้ได้ก็ต้องใช้การสื่อสารถามไถ่ และดูปฏิกิริยาการตอบสนองของการเล้าโลม
3. เลือกการแต่งกาย
ใครว่าไม่สำคัญ หากอยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ คุณไม่เคยปล่อยตัวให้มอซอหรือล้าสมัย อยู่ต่อหน้าคู่รักสองต่อสองก็ควรแต่งกายเช่นนั้น ชุดนอนดูดีมีสไตล์ สวยน่ารัก ผิวผ้านิ่ม ลื่น เซ็กซี่ ทำให้เซ็กส์เร้าใจ อันที่จริงคุณสามารถดัดแปลงสไตล์ต่าง ๆ ให้เร้าใจได้ไม่ยากหากอยู่กันตามลำพัง เช่น ฝ่ายหญิงสวมเสื้อเชิ้ตโนบราฝ่ายชายไม่สวมเสื้อหรือโชว์กล้าม ฯลฯ
4. เลือกสิ่งแวดล้อม
เป็นเรื่องของแสงสี เสียง กลิ่น ที่มีอิทธิพลต่อความรัก เปลี่ยนจากบรรยากาศมืดตึ๊ดตื๋อมาเป็นแสงสลัวหรือแสงสีต่างๆ ด้วยสีนั้นมีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์ เช่น สีเขียวทำให้ผ่อนคลายสบายตัว ใจเย็น สีม่วงเพิ่มความรู้สึกสร้างสรรค์ สีแดงกระตุ้นให้กระฉับกระเฉง สีเหลืองอบอุ่นนุ่มนวล หรือขับกล่อมด้วยเพลงสไตล์ที่ชอบ เสริมด้วยกลิ่นหอมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
5. เลือกสถานที่
หากจำเจกับห้องนอนและเตียงนอนเดิม ๆ ควรเปลี่ยนสถานที่ การไปเที่ยวทัวร์ทั่วไทยกับคู่รัก นอกจากจะเพิ่มรายได้ให้ประเทศแล้ว ยังช่วยให้การมีเซ็กส์ไม่จำเจในสถานที่เดิม ๆ หรือถ้ามีงบจะไปเที่ยวต่างบ้านต่างเมือง ก็ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแปลกใหม่ให้ค่ะ แต่หากอยากประหยัด การจัดเปลี่ยนห้องนอนตกแต่งมุมห้อง ย้ายสิ่งโน้นออกสิ่งนี้เข้า ก็เป็นการเปลี่ยนสถานที่ที่ทำให้เซ็กส์เป็นเรื่องตื่นเต้นขึ้น ตามมาด้วยความสุขและสมหวังขอบคุณทั้งคู่
6. เลือกความเป็นส่วนตัว
คู่รักจำนวนมากบอกว่าอุปสรรคของการมีเซ็กส์คือลูก หรือทีวีในห้องนอน คุณอาจจะต้องหากลวิธี เช่น ฝากลูกให้ญาติช่วยดูแล หรือย้ายเจ้าตู้สี่เหลี่ยมตัวอุปสรรคนี้ออกไปจากห้องนอน
7. เลือกเวลา
การมีเซ็กส์ตอนเช้าตรู่ ในขณะที่ฮอร์โมนของฝ่ายชายทำงานเต็มที่ หรือเซอร์ไพรส์ตอนบ่ายของวันหยุดหลังออกกำลังกาย รับประทานอาหาร และพักผ่อนแบบสบายกาย สบายใจไปแล้ว
8. เลือกความผ่อนคลาย
ควรทำบรรยากาศรอบข้างให้ผ่อนคลาย เช่น นวดเนื้อตัวให้กันก่อนทำรัก และไม่น่าเชื่อนะคะ งานวิจัยพบว่า การทำสมาธิก่อนทำรักทำให้จิตใจสงบ ทำให้การทำรักมีความสุขดื่มด่ำขึ้น
9. เลือกท่า
คุณควรศึกษาท่าทำรักซึ่งมีหลายร้อยหลายพันท่า และนำมาประยุกต์กับคู่ของเรา ควรมีสื่อสารและตกลงกันก่อนเปลี่ยนท่า ทั้งควรระวังท่าที่อาจเกิดอันตราย เช่น ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหัวทิ่มบ่อ หรือเป่าลมเข้าไปในช่อคลอด ซึ่งอาจเกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้
10. เลือกวิธีอื่น ๆ บ้าง
เช่น เปลี่ยนจากการสอดใส่เป็นการช่วยให้อีกฝ่ายช่วยตนเอง หรือทำรักด้วยปาก การเปลี่ยนบรรยากาศของการมีเซ็กส์แบบนี้ ขึ้นอยู่กับรสนิยมของเจ้าตัวซึ่งต้องสอดคล้องกับคู่รัก ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องตกลงและยินยอมพร้อมใจกันก่อนนะคะ
11. เลือกเทคนิค
คุณอาจใช้เทคนิคเฉพาะตัว ซึ่งเป็นไปตามความเชื่อหรือเป็นความสามารถส่วนบุคคล ที่ทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ เช่น การมีเซ็กส์แบบไม่หลั่งหรือใช้ร่องอก ขาหนีบ เป็นที่สอดใส่แทนช่องทางปกติ
12. ลองเลือกใช้อุปกรณ์
เช่น ใช้เซ็กส์ทอย ร่วมกับการมีเซ็กส์ ปกติ หรือเลือกใช้เจลหล่อลื่นที่เป็นสูตรน้ำให้ความลื่น หรือเจลหล่อลื่นที่มีชิลิโคนผสม ซึ่งอาจให้ความนิ่มนวลและหล่อลื่นนาน หรือเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่มีลูกเล่น เช่น มีกลิ่นผลไม้ วาวแสงในที่มืด มีเสียงดนตรีเร่งเร้าเมื่อถึงจุดสุดยอด ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ สร้างบรรยากาศความพึงพอใจในการมีเซ็กส์ได้ค่ะ
13. เลือกใช้คำพูด
การใช้คำพูดสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในบรรดาการสร้างบรรยากาศทั้งหมด คำพูดที่ถูกใจทำให้ผู้คนสนิทชิดเชื้อรักใคร่กัน สำหรับเรื่องเซ็กส์ คำพูดมีอิทธิพลสูงกับการกระตุ้นความต้องการทางเพศ ทราบรสนิยมทางเพศ เตรียมมีเพศสัมพันธ์ และจากกันอย่างประทับใจ เพราะคำพูด ไม่ใช่เฉพาะการเลือกใช้ถ้อยคำ แต่ยังเกี่ยวข้องกับน้ำเสียง กิริยาท่าทางประกอบการพูด เช่น คุณอาจจะถามเรื่องการโลมเล้า ขณะนั่งอิงแอบแนบชิด หรือเล่าเรื่องขำขันทะลึ่ง ๆ ตลก ๆ ขณะนุ่งเสื้อผ้าโปร่งใส เป็นต้น
*******************iFLoWeRs********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น